สังคม
เผยผลสำรวจ หลังปล่อยปลานักล่ากำจัด 'ลูกปลาหมอคางดำ' พบได้ผลดี ลูกปลาลดลง
29 ก.ค. 2567
485 views
หลายหน่วยงานยังคงพยายามหาแนวทางกำจัดปลาหมอคางดำที่พบการระบาดไปแล้วไม่น้อยกว่า 17 จังหวัดทั่วประเทศ โดยล่าสุดกรมประมงลงพื้นที่ไปสำรวจแหล่งน้ำที่มีปลาหมอคางดำและเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยปลากะพงนักล่าลงไปก่อนหน้านี้ โดยวันนี้ได้สุ่มตักขึ้นมาพบว่า ปริมาณปลาหมอคางดำในบ่อดังกล่าวลดความหนาแน่นลง จึงเชื่อว่า การปล่อยปลานักล่าเพื่อกำจัดลูกปลาหมอคางดำ เป็นวิธีหนึ่งที่ได้ผล
นายจักรพัณน์ ปิ่นพุทธศิลป์ นักวิชาการประมงศูนย์วิจัยพัฒนาประมงทะเลสมุทรปราการ นำทีมงานฝ่ายวิชาการกรมประมง พร้อมด้วย น.ส.ธนภร เจียรสุข นายกสมาคมการประมงคลองด่าน และ ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่คลองตาเจียน หมู่ที่ 6 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ สุ่มทอดแห จับปลาหมอคางดำจำนวน 6 ตัว นำไปเก็บเป็นข้อมูล คำนวณหาความหนาแน่น ขนาดของตัวปลา และพื้นที่ ที่พบ เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนใช้เครื่องมือเพื่อกำจัด ลดปริมาณการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างถูกวิธี
นายจักรพัณน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการปล่อยปลากะพงไปกำจัดปลาหมอคางดำนั้น กรมประมงได้ทดลองปฏิบัติการในพื้นที่ประตูระบายน้ำคลองสวน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แล้วไปสุ่มสำรวจอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าปริมาณปลาหมอคางดำในพื้นที่มีความหนาแน่นลดลงอย่างมาก จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าการปล่อยปลากะพงซึ่งเป็นปลานักล่า สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ ไปกำจัดกินลูกปลาหมอคางดำได้ผลสำเร็จ
ทางด้านดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรหรือARDA กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ในส่วนของการพัฒนางานวิจัยคุณภาพเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหา ARDA ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัยด้านการเกษตร เห็นว่า งานวิจัยที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การศึกษาชีววิทยาปลาหมอคางดำให้ได้ความชัดเจน อาทิ วงจรชีวิตการสืบพันธุ์ อาหาร ผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญต้องศึกษาปลาเอเลี่ยนไปผสมกับปลาท้องถิ่นหรือไม่
และการศึกษาพันธุ์ปลาท้องถิ่นที่ถูกรุกรานและดำเนินการเร่งรวบรวมและเพาะขยายพันธุ์ปลาท้องถิ่นที่ถูกรุกรานเพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เรื่องเหล่านี้เป็นงานวิจัยต้องทำในระยะเร่งด่วน ในส่วนของงานวิจัยที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในระยะยาว จะต้องศึกษาวิธีการการตัดวงจรชีวิตปลาคางดำ โดยด้านวิทยาศาสตร์ปัจจุบันถูกพูดถึงกันหลายวิธีทั้งการทำให้เป็นหมันในธรรมชาติซึ่งเป็นกลไกหนึ่ง รวมถึงการใช้สารเคมี นอกจากวิธีดังกล่าวทาง ARDA แนะนำว่าควรมีการศึกษาฟีโรโมนของปลาหมอคางดำ เนื่องจากการสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำ ก็เหมือนกับแมลงกับสัตว์อื่น ซึ่งจะมี "ฟีโรโมน"สารคัดหลั่งในการดึงดูดเพศซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการ "รวมฝูง" เพื่อบริหารจัดการที่เหมาะสม
ดร.วิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ข้อมูลทางวิทยาศาตร์ถึงแม้อาจใช้เวลานาน แต่ไม่สามารถบิดเบือนได้ ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนการตัดสินใจการแก้ไขปํญหาในระยะยาวและตรงประเด็น ตลอดจนเป็นการช่วยป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นซ้ำในอนาคตได้
ขณะนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. บางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากกรณีการระบาดของปลาหมอคางดำที่กำลังสร้างวิกฤตทำลายทั้งอาชีพเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและเสี่ยงกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรงในเวลานี้ ทำให้เมื่อสัปดาห์ก่อน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาสั่งการให้ ’ทำความจริงให้ปรากฏ’ ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับลูกและแจ้งต่อสาธารณะว่าได้ตั้งคณะทำงานตามล่าหาความจริง ขีดเส้นใน 7 วันต้องรู้ นับเวลาเริ่มต้น วันที่ 19 ก.ค. ครบ 7 วัน ในวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ต่อเวลาให้จนถึงวันนี้เป็นสิบวันถ้วน ยังไม่เห็นผล เพราะคณะทำงานดังกล่าวเงียบหายไป
ส่วนบริษัทเอกชนที่มีข้อมูลพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับการนำเข้ามาและอาจเป็นต้นตอการระบาดในครั้งนี้ก็ยังคงหลบหน้า ไม่ยอมมาชี้แจงใดๆ ต่อคณะกรรมาธิการที่สภาตั้งขึ้น
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า อย่างที่ได้อภิปรายในสภาฯ ไปแล้ว ประเทศไทยเคยเจอสถานการณ์ที่ภาครัฐต้องชนกับทุนมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเป็นประเด็นเรื่องหมูเถื่อน เป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากต้องขาดทุนล้มหายตายจากไปจากตลาดเกือบหมด จนเกิดสภาพกึ่งผูกขาดที่ทำให้หมูมีราคาแพงกระทบปากท้องค่าครองชีพมาจนถึงตอนนี้ เป็นเหตุให้พี่น้องประชาชนเฝ้าจับตาติดตามมาตลอดว่าใครคือไอ้โม่งที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น
แท็กที่เกี่ยวข้อง ปลากะพง ,ปลาหมอคางดำ ,ลูกปลาหมอคางดำ ,ปล่อยปลานักล่า