สังคม

ตั้งคกก.สอบ ตร.น้ำสัตหีบ หลังเรือของกลางหาย 3 ลำ

โดย panwilai_c

12 มิ.ย. 2567

134 views

ตำรวจสอบสวนกลางชี้แจง หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าเรือน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นของกลาง จำนวน 3 ลำสูญหาย ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว โดยคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรมีอัยการสูงสุดเป็นผู้ควบคุมคดี



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 12 มิ.ย. 67 โดยได้รับแจ้งจาก ตำรวจน้ำสัตหีบ. ว่าตรวจไม่พบเรือของกลาง จำนวน 3 ลำ ที่ถูกยึดไว้เป็นของกลาง ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา



โดยมีเรือของกลางในคดีน้ำมันเถื่อนถูกยึด จำนวน 5 ลำ ซึ่งตำรวจกองปราบปรามและตำรวจน้ำได้ร่วมกันดำเนินการสืบสวนจับกุม ได้ที่น่านน้ำอ่่าวไทยและยึดส่งพนักงานสอบสวนคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา และส่งมอบหมายให้ ตำรวจน้ำ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบเป็นหน่วยเก็บรักษาของกลาง ณ ท่าเทียบเรือสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 67 เป็นต้นมา



โดยในระหว่างการเก็บรักษาของกลางได้สั่งการให้ตำรวจน้ำ ดำเนินการจัดเวรยามดูแลของกลางให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 24 ชม. และรายงานให้ทราบเป็นประจำทุกวันและให้ระมัดระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง และน้ำเข้าเรือที่อาจทำให้ของกลางเกิดความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมีคนเรืออยู่ประจำเครื่องเรือแต่ละลำอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เรือเกิดความเสียหาย



แต่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เวลาประมาณ 18.00 น. สภาพอากาศโดยทั่วไปมีคลื่นลมแรง ในทะเลมีคลื่นสูง ซึ่งตามประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เรื่องเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ ทราบในภายหลังว่า สารวัตรสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ ได้สั่งการให้เรือของกลางจำนวน 5 ลำ ที่มีน้ำหนักมากออกลอยลำ จอดทอดสมอห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบไประยะ 100 ม. เพื่อลดผลกระทบจากลักษณะอากาศดังกล่าว ที่อาจทำให้เรือของกลางได้รับความเสียหาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามดูแลโดยใกล้ชิดซึ่งสังเกตได้จากบนฝั่ง ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นในวันที่ 11 มิ.ย.เวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือเปิดไฟ แต่ต่อมาช่วงเวลา 22.00 น. เรือทั้งหมดดับไฟ



กระทั่งรุ่งเช้าประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย.67 เมื่อมีแสงสว่าง เวรยามในผลัดตรวจสอบพบเรือของกลาง จอดทอดสมอห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ไประยะ 100 ม. เรือได้หายไป 3 ลำ เหลือจำนวน 2 ลำ จากเรือทั้งหมดที่ถูกยึดไว้ 5 ลำ จึงรายงาน ผู้บังคับการตำรวจน้ำทราบทันที และนำเรือที่เหลือ จำนวน 2 ลำ เข้าจอดเทียบท่า



และได้สั่งการให้ทุก สถานีตำรวจน้ำ ในสังกัดช่วยกันสกัดกั้นในตำบลที่ตั้งเรือที่คาดว่าเรือของกลางจะเดินทางไปถึง รวมถึงประสานงานหน่วยงานข้างเคียงในพื้นที่ และเรือประมงรับเฝ้าฟังในวิทยุโดยต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ประสานในการตรวจทางอากาศ และแนวทางการสืบสวนทุกช่องทางที่เกี่ยวข้อง จนปัจจุบันยังไม่พบการเคลื่อนไหว



จากเหตุการณ์ดังกล่าว กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจน้ำ โดยให้ พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้สั่งการให้สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวแล้ว



ขณะที่ทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะฯ เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น


ขณะที่ทีมข่าว 3 มิติ ซึ่งได้ทำข่าวการยึดเรือน้ำมันเถื่อนจำนวน 5 ลำ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พบว่าเรือ 2 ลำ ที่ยังอยู่เป็นเรือที่ไม่ได้บรรทุกน้ำมัน



ส่วนเรือที่หายไป 3 ลำ เป็นเรือของกลางที่ถูกยึดพร้อมน้ำมันดีเซลประมาณ 330,000 ลิตร พร้อมผู้ต้องหา 28 คน ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อน ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ



โดยคดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร มีตำรวจและอัยการสอบสวนร่วมกัน ก่อนเสนอให้อัยการสูงสุดมีความเห็นทางคดี ซึ่งเรือน้ำมันเถื่อนคาดว่าเป็นของนายสหชัย เจือเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ปัตตานี ซึ่งหลบหนีหมายจับศาลอยู่ต่างประเทศ

คุณอาจสนใจ