สังคม
บุกจับเอเยนต์ยาเสพติด ใช้คนใบ้เดินยา ป้องกันถูกซัดทอด
โดย panwilai_c
6 มิ.ย. 2567
78 views
ตำรวจนครบาล วางแผนจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดในชุมชน หลังพบว่า หลอกใช้ผู้พิการเป็นสายส่งยาเสพติด การจับกุมก็พบอุปสรรคสำคัญ คือไม่สามารถสื่อสารกับผู้ต้องหาที่เป็นใบ้ได้ ตำรวจจึงใช้การเขียนถามตอบเพื่อสอบสวน และขยายผลจนนำไปสู่คนที่นำยาบ้ามาส่งให้ได้
ตำรวจสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ ตำรวจสืบสวน สน.มักกะสัน ลงพื้นที่จับกุม น.ส.ประยูร หรือ กาเหว่า อายุ 53 ปี ภายในซอยสาธุประดิษฐ์ 34 แยก 6 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา หลังสืบทราบว่า ใช้ให้คนใบ้ส่งยาเสพติด
โดยจากหลังเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา สายลับเข้าไปล่อซื้อยาเสพติดจากเอเย่นรายหนึ่ง เป็นการซื้อผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ จึงนัดส่ง ที่ "ชุมชนคนไร้เสียง" เขตบางกะปิ จากนั้นตำรวจจึงวางกำลังซุ่มดู ก่อนจะพบ ชายไทยขับรถจักรยานยนต์ ไปยังจุดนัดพบ และส่งยาไอซ์ 1 ถุง ให้กับสายลับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัวทันที แต่ปรากฏว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถาม ชายไทยรายนี้ ก็ไม่พูดอะไรเลย ก่อนจะทราบว่า เป็นใบ้ แต่ยังพอจะสามารถฟัง อ่านและ เขียนได้บ้าง
เจ้าหน้าที่จึงได้นำกระดาษมาให้ชายไทยรายนี้เขียน ชื่อตัวเอง จึงทราบว่า คือ นายภัทรสิน ภายหลังจากการจับกุมตัว ชุดสืบสวนขยายผล ด้วยการให้ผู้ต้องหาที่เป็นคนใบ้ เขียน ตอบ
แล้วจึงสืบหาข้อมูล ขยายผล ไปที่คนอยู่เบื้องหลัง ให้คนใบ้ส่งยาเสพติด ซึ่งก็คือ น.ส.ประยูร หรือ กาเหว่า ที่สามารถจับกุมได้วันนี้ เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์ของนางสาวกาเหว่า พบภาพการมั่วสุมยาเสพติดในชุมชนคนไร้เสียง และข้อความติดต่อซื้อขายยาเสพติด "เป็นประจำ"
น.ส.ประยูร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า มีความพิการประเภทหูตึง ใครพูดจะไม่ค่อยได้ยินจะต้องมาตะโกนใกล้ๆหู และยอมรับสารภาพว่าขายยาบ้า แต่ไม่ได้ขายยาไอซ์ โดยอ้างว่า ที่ขายเพราะถูกบังคับให้ขาย ไม่ได้หลอกให้คนใบ้รายอื่นๆไปเดินยาให้ แต่เป็นความสมัครใจของพวกเค้าเอง ส่วนคนที่ไปรับยาเสพติดมาปล่อยต่อ ชื่อ นายต่อ กับ เจ๊ฝน โดยทั้งสองเป็นขาใหญ่อยู่ในชุมชนคนไร้เสียงพระราม 9 แต่ขอไม่พูดถึงไปมากกว่านี้เพราะกลัว
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สอบปากคำนางสาวกาเหว่า โดยใช้การเขียนกระดาษ และให้นางสาวกาเหว่าชี้ เพราะ แม้จะพูดได้ แต่หูตึง
เบื้องต้นตำรวจ แจ้งข้อหากับนางสาวกาเหว่า 3 ข้อหา ทั้งฐาน"สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน" จากนี้จะขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง