สังคม

จับแล้ว 2 ผตห.แสบ แหกห้องขัง ยัดตร.ขังแทน ก่อนหนีไกลถึงโคราช ผบก.น.1 แถลง พบวางแผนเป็นขั้นตอน

โดย panwilai_c

19 ก.ย. 2567

39 views

ที่สน.พญาไท เมื่อกลางดึก 18 กันยายน คาบเกี่ยว เช้ามืด 19 กันยายน มีผู้ต้องหา 2 คน แหกห้องขังหลบหนีออกจากสน. โดยออกอุบายทำทียืมโทรศัพท์ตำรวจขอโทรหาญาติ อ้างว่า ปวดท้อง จากนั้น ตอนคืนโทรศัพท์ ทั้งเตะ ทั้งล็อกคอ ผลักตำรวจเข้าห้องขังแทน และหลบหนีออกจากสน. หนีไปไกลถึงนครราชสีมา ก่อนที่สุดท้ายจะติดต่อกลับมาขอ มอบตัว และ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตำรวจคุมตัวกลับมาที่สน.พญาไทแล้ว



เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.พญาไท คุมตัวนายอ้น อายุ 23 ปี และ นายนิพนธ์ อายุ 31 ปี กลับมาถึงที่ สน.พญาไท เมื่อช่วง 13.50น. ที่ผ่านมา หลังจากหลบหนีแหกห้องคุมขังไปเมื่อตอนตี 1.30น. ของวันนี้ โดยใช้เวลาปฏิบัติการนับตั้งแต่ที่หนีออกไปจนถึงมอบตัวประมาณเกือบ 5 ชั่วโมง



-ซึ่งระหว่างที่เดินเข้าห้องสืบสวน ทีมข่าว ได้สอบถามนายนิพนธ์ ซึ่งลงจากรถ ว่าตั้งใจวางแผนการหลบหนีหรือไม่ นายนิพนธ์ บอกว่า เปล่าครับ ขอโทษครับ สำนึกผิดแล้วครับ ไม่ได้ตั้งใจทำให้สิบเวรเดือดร้อน ขอโทษด้วยครับ /เมื่อสอบถามตั้งใจจะหลบหนีไปไหน นายนิพนธ์ก็ไม่ตอบคำถามใดๆ



ที่นี่ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ระบุว่า ผู้ต้องขังทั้ง 2 คือ นายอ้น และ นายนิพนธ์ ถูกตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนนครบาล จับกุมได้พร้อมไอซ์ประมาณ 80 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง และถูกคุมตัวมาฝากควบคุมที่ สน. พญาไท เนื่องจากสืบนครบาลไม่มีสถานที่ควบคุม



จากนั้นวันที่ 18 กันยายน เวลา 11:00 น. ชุดสืบสวนนครบาล ได้เบิกตัวผู้ต้องขังทั้งสองคน ไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ก่อนจะคุมตัวกลับมาฝากควบคุมที่ สน. พญาไท ในเวลา 23:00 น. โดยมีสิบเวรที่เฝ้าบริเวณหน้าห้องขัง



ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเวรในเวลาเที่ยงคืน และมี ร.ต.ต.รุ้งระวี เป็นสิบเวรห้องขัง



ต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ก็มีชายคนหนึ่ง เอาของใช้มาฝากให้กับผู้ต้องหาทั้งสองราย โดยเอาของมาฝากผ่านสิบเวร และไม่ให้เข้าเยี่ยม เนื่องจากว่าเลยเวลาแล้ว สิบเวรจึงรับของไว้ และเอาของใช้ส่วนตัวไปให้ผู้ต้องหา



เหตุการณ์แหกห้องขังเริ่มที่จุดนี้ คือ ราวๆ เที่ยงคืนเศษ สิบเวรสังเกตเห็นว่าผู้ต้องหาโบกมือใส่กล้องวงจรปิด สิบเวรที่นั่งอยู่ด้านนอก มองเห็นโบกมือขอความช่วยเหลือ จึงได้เข้าไปถามว่ามีอะไร



นายอ้น ผู้ต้องหา ก็บอกว่าปวดท้อง ไม่สบาย เหมือนจะเป็นกรดไหลย้อน ขอโทรศัพท์ เพื่อโทรหาแฟน ให้เอายามาให้เพราะต้องกินยา



สิบเวรเห็นว่า จึงได้ตัดสินใจต่อโทรศัพท์ให้และส่งโทรศัพท์ให้คุย โดยสิบเวรยืนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า ซึ่งใช้เวลาคุยอยู่ประมาณเกือบ 2 นาที หรือประมาณ 100 กว่าวินาที ซึ่งตอนคุยพูดค่อนข้างเบาทำให้ไม่ได้ยิน



จากนั้น ผู้ต้องหาประสานจะคืนโทรศัพท์ให้สิบเวร ทำให้สิบเวรต้องเข้าไปรับคืน แต่ขณะที่ส่งโทรศัพท์คืน นายอ้น ล็อกคอสิบเวร จากนั้นปลุกปล้ำกันอยู่พักหนึ่ง // มีนายนิพนธ์เข้ามาช่วย ก่อนที่จะเตะ สิบเวรเข้าไปในห้องขัง และล็อกห้อง จากนั้นวิ่งหนีไป



จากนั้น ทั้ง 2 คน วิ่งออกจากห้องขัง และหลบหนีไป โดยตามรายงานระบุว่า มีรถเก๋งสีแดงจอดอยู่หน้าสน.พญาไท มีคนขับพาหนีไป



ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ สำรวจแผนผังสน.พญาไท พบว่า ในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา // เมื่อออกจากห้องขังมา จะมี โต๊ะของสิบเวรอยู่ และมีกล้องCCTVไว้ดูสถานการณ์



ส่วนเมื่อออกจากห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา พบว่า ฝั่งหนึ่งเป็นห้องเจ้าหน้าที่ปราบปราม มีทางออกที่สามารถออกไปด้านข้างสน.ได้ อีกฝั่งเป็นห้องรับแจ้งความ และ ประตูทางออกหน้าสน.



ส่วนข้อสังสัยว่า ในสน.มีตำรวจคนอื่นอยู่หรือไม่ หรือมีสิบเวรคนนี้อยู่คนเดียว พล.ต.ต. อัฏธพร ให้ข้อมูลว่า ในสน.มีคนอื่นทำงานอยู่ด้วย ไม่ได้เป็นโรงพักร้าง พร้อมทั้งยังเล่าว่า ตอนที่ สิบเวรตะโกนขอความช่วยเหลือ ร้อยเวรสอบสวนที่ปฏิบัติงานอยู่ชั้นล่างของสน. ได้ยิน และเข้ามาช่วยเหลือ โดยใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ขณะนั้นก็มีรองผู้กำกับการปราบปรามที่ตรวจอยู่ และรองผู้กำกับสืบสวน ที่ทำงานขยายผลอยู่ จึงเข้ามาและซักถาม ก่อนตรวจสอบ และแบ่งหน้าที่กัน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เส้นทางหลบหนี พร้อมกับวิทยุสกัดจับ



พล.ต.ต. อัฏธพร ยังบอกอีกว่า จากการสืบสวน พบว่า รถสีแดงมาจอดรอรับทั้งคู่ เป็นคนเดียวกับที่ตอนเที่ยงคืนเศษ เอาของใช้มาให้ซึ่งตอนนี้ทราบตัวบุคคลนี้ ว่าเป็นชายอายุ 27 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ยอมรับว่า ชายรายนี้เป็นบุคคลที่ช่วยเหลือหลบหนีไป ซึ่งก็จะเป็นการการออกหมายจับต่อไป



ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า วางแผนที่จะหลบหนี ซึ่งจะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง คือคนที่มารับ และยังต้องตรวจสอบต่อไป ว่ามีผู้เกี่ยวข้อง หรือมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อให้เกิดความกระจ่าง



ส่วนผู้ต้องหา ก็จะถูกดำเนินคดีแยกไป คดียาก็ส่ง ปปส. ส่วนคดีหลบหนี ก็จะแจ้งข้อหาหลบหนีระหว่างคุมขัง ซึ่งจะดำเนินคดีคู่ขนานกันไป



ส่วนการตามตัวกลับมาได้ พล.ต.ต. อัฏธพร บอกว่า หลังผู้ต้องหาหลบหนีไป ตำรวจโทรศัพท์กลับไปที่เบอร์ที่โทรออก ทราบว่าเป็นเบอร์ของภรรยาของผู้ต้องหา จึงแจ้งให้ทราบว่าได้หลบหนี ถ้ารู้ว่าไปไหนให้แจ้ง



นอกจากนี้ มีการตรวจสอบข้อมูลทางการสืบสวนพบว่าสัญญาณโทรศัพท์ที่ใช้มีการเคลื่อนตัวไปทางจังหวัดสระบุรี จึงได้วิทยุสกัดเป็นระยะ กระทั่งทราบจากภรรยาผู้ต้องหาว่า ผู้ต้องหาอยู่แถวอำเภอพล ก่อนจะไปมอบตัวที่สภ. สีดา ตอนประมาณตีห้า



ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามสิบเวรที่อยู่ในที่เกิดเหตุ (ข้อมูล ไม่ให้ใช้เสียง) ให้ข้อมูลว่าขณะเกิดเหตุคือช่วงตี 1 กว่าๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ก่อนถูกกอดรัดฟัดเหวี่ยง จนล้มลงไป ทำให้ตนเองบาดเจ็บฟกช้ำที่เข่า ปวดหลัง ซึ่งตนเองสู้แรงผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ไหว เพราะทั้งคู่ยังวัยรุ่น



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/S4mwtUDqN9k

คุณอาจสนใจ

Related News