สังคม
ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ระยอง-อยุธยา ตามปัญหากากสารเคมี หากพบจนท.รัฐเอี่ยวก็ไม่ละเว้น
โดย parichat_p
3 มิ.ย. 2567
35 views
วันนี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามคดีการทิ้งกากสารเคมี และคดีวางเพลิงโกดังสารเคมี ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่จังหวัดระยอง และนอกจากยืนยันว่าคดีมีความเชื่อมโยงถึงกันแล้ว ยังอยู่ระหว่างขยายผลว่านอกจากนายโอภาส บุญจันทร์ แล้ว ยังมีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกบ้าง
พลตำรวจโท ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภาค 1 และภาค 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดี ทั้งการลักลอบทิ้งกากสารเคมี ของโรงงานวินโพรเสส จ.ระยอง และกรณีเพลิงไหม้โรงงานวินโพรเสส ที่ยังอยู่ระหว่างหาข้อเท็จจริง
ซึ่งการลงพื้นที่โรงงานวิน โพรเสส ที่ขุดพบการลักลอบฝังกลบสารเคมีนั้น ก็ระบุว่าจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม และระบุว่าทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันอย่างน้อย 6 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี นครราชสีมา นนทบุรี เพชรบุรณ์ และพระนครศรีอยุธยา ที่เกิดจากคนกลุ่มเดียวกัน
พนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ได้ประสานข้อมูลเข้าหากันแล้วพบความเชื่อมโยงใกล้ชิด แต่ไม่ใช่เฉพาะสองบริษัทที่ปรากฎเป็นข่าว แต่ยังมีอีกหลายบริษัท ที่ถูกใช้เป็นนอมินี เช่นเดียวกับผู้ต้องหาบางคนที่ศาลออกหมายจับเพราะไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามตัว
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุว่านายกรัฐมนตรีและรักษการ ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับคดีนี้ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน จึงต้องดำเนินคดีให้ครบทุกฐานความผิดรวมถึงโทษอาญา และหากพบว่ามีความผิดที่เป็นความผิดมูลฐาน ปปง. ที่จะนำไปมาสู่การยึดอายัดทรัพย์ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งตำรวจไม่ได้ตั้งธง หรือมุ่งว่าจะต้องไปสู่คดีใด แต่ต้องหาหลักฐานให้ครบ ถ้าพบว่ามีความผิดคดีใดก็ต้องเอาผิดทั้งหมด
หลังจากลงพื้นที่โรงงานวินโพรเสสแล้ว มีการเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในจังหวัดระยอง และที่เชื่อมโยงไปถึงจังหวัดอื่นๆ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตอนนี้นอกจากนายโอภาส ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวแล้ว คณะทำงานกำลังตรวจเพิ่มเติมว่ามีบุคคลอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือสูงกว่านายโอภาส เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือไม่
ก่อนจะเดินทางมาที่จังหวัดระยองนั้น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมรองอธิบดีกรมโรงงาน และกองกฎหมาย เดินทางไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดแรกไปติดตามความคืบหน้าที่ บริษัท เอกอุทัย จำกัด ตำบลสามบัณฑิต ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการขุดพบการฝังกากสารเคมีไว้จำนวมากเช่นกัน
จากนั้นไปตรวจสอบโกดังลักลอบเก็บกากสารเคมี บริษัท ซันเทค เคมีคอล แอนด์ โลจิสติก จำกัด ตำบลอุทัย ซึ่งมีสารเคมีหลายชนิดเชื่อมโยงกับบริษัทเอกอุทัย สาขาสามบัณฑิต และเป็นพิกัดที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ต้องจับตาเฝ้าระวังเรื่องเพลิงไหม้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นจุดที่ มีกากสารเคมีที่ติดไฟได้ลักลอบเก็บไว้จำนวนมาก
ส่วนอีกจุด ที่โกดังลักลอบเก็บสารเคมีที่อำเภอภาชี ที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งจากการลอบวางเพลิงเมื่อ 1 มีนาคมปีนี้ และเหตุเพลิงไหม้ที่ยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ข้อเท็จจริงเมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยผุ้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จะดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน และรอบคอบ และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในส่วนใด ก็จะไม่ละเว้นเด็ดขาด