บุกห้องเย็นนครปฐม อายัดเนื้อหมูเถื่อน 69 ตัน พบใช้เอกสารขนย้ายปลอม

หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อายัดเนื้อหมูมากถึง 69 ตัน ขณะลำเลียงจากเขียงหมูไปเก็บในห้องเย็นแห่งหนึ่ง ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยพบว่าทั้งหมดใช้เอกสารเคลื่อนย้ายซากสุกร หรือ ร. 3 ที่ปลอมแปลงขึ้น



บริษัท พี.พี.เฟรชพอร์ค ตำบลท่าข้าม อำเภอสามพราน จ.นครปฐม เป็นหนึ่งใน 3 ห้องเย็นที่เป็นหมายการติดตามตรวจสอบของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ซึ่งติดตามแกะรอยหมูเถื่อนตั้งแต่เมื่อวานนี้



สาเหตุของการแกะรอยติดตามมา เพราะได้เบาะแสว่าจะมีเนื้อหมูชำแหละเคลื่อนย้ายออกจากโรงเชือดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม แล้วจะเข้าไปเก็บในห้องเย็น กระทั่งแกะรอยมาถึงที่นี่



เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเนื้อหมูชำแหละที่เคลื่อนย้ายมา พบว่ามีทั้งหมด 6 หมื่น 9พันกิโลกรัม หรือ 69 ตัน จึงขอให้เจ้าของห้องเย็นแสดงเอกสารที่มา ปรากฎว่าเจ้าของห้องเย็นที่เป็นผู้รับซื้อเนื้อหมูเหล่านี้มาแล้วได้แสดงเอกสารหลักฐาน เป็นหนังสืออนุญาตเคลื่อนย้าย หรือ ร. 3 ซึ่งเขียงหมูแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่เป็นผู้ขายเนื้อหมูให้ ได้ส่งมาพร้อมกับเนื้อหมูเหล่านี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยการสแกน ก็พบว่าเป็นเอกสารปลอม



รองหัวหน้าคนที่ 1 ของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และในฐานะโฆษกคณะทำงาน ระบุว่า โดยปกติแล้ว โรงฆ่าสัตว์เมื่อเชือดและชำแหละสุกรเป็นซากแล้ว เมื่อจะเคลื่อนย้ายซากสุกรไปขาย ต้องแจ้งขออนุญาตจากปศุศัตว์ในพื้นที่ เพื่อออกใบอนุญาตเรียกว่ ร. 3 โดยใบอนุญาตนี้ จะเข้าสู่ระบบ E-Movement ของกรมปศุสัตว์ด้วย แต่กรณีนี้ เมื่อสแกนแล้วกลับพบว่าใบอนุญาตดังกล่าว มีคนอื่นขออนุญาตและใช้ไปก่อนแล้ว จึงสันนิษฐานว่าเอกสาร ร.3 ชุดนี้ ทำปลอมแปลงขึ้น



ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความเอาผิด ห้องเย็นดังกล่าวใน 2 ข้อหา คือปลอมเอกสารเคลื่อนย้าย ร.3 และใช้เอกสารที่ปลอมขึ้น โดยให้เวลาห้องเย็นในฐานะผู้เป็นเจ้าของเนื้อหมูดังกล่าว 15 วัน เพื่อนำหลักฐานมาแสดง หากไม่สามารถแสดงได้ จะดำเนินคดีตาม ตามมาตรา 22 พรบ.โรคระบาดสัตว์ เพิ่มอีก



ขณะที่เจ้าของห้องเย็นดังกล่าว ยอมรับว่าซื้อหมูสามชั้นจากเขียงหมู ในจ.นครปฐมจริง เพื่อมาเก็บในห้องเย็นและแปรรูปส่งลูกค้า โดยเอกสารที่นำมาแสดงเจ้าหน้าที่ เป็นเอกสารที่เขียงหมู นำมาใช้เป็นหลักฐานในการขายให้กับเขาเอง โดยระบุว่าไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้นหรือไม่



นายชัยยุทธ ระบุว่าเขาจะประสานเขียงหมูให้นำเอกสารมาชี้แจงภายใน 15วัน โดยเขายืนยันว่าการที่สินค้าถูกอายัดทำให้เสียหายราว 5 ล้านบาท และหากเจ้าของเขียงหมูแสดงเอกสารไม่ได้ทำให้เขาถูกดำเนินคดี ก็จะฟ้องกลับเขียงหมูดังกล่าวด้วย



การทำงาของเจ้าหน้าที่วันนี้ เรียกได้ว่าเป็นปฎิบัติการใหญ่ครั้งที่ 2ในรอบ 2 เดือน หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ร่วมกับดีเอสไอ ตรวสอบห้องเย็น 2 แห่ง ในอำแภอเมืองนครปฐมที่เก็บเนื้อหมูแช่แข็งโดยไม่มีเอกสารที่ชัดเจน และเป็นกรณีที่เชื่อมโยงกับบริษัทเวลธ์แอนด์เฮทธี่ฟูด จำกัด ที่ถูกดีเอสไอดำเนินคดี โดยกรณีนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามสั่งย้าย 5 เสือปศุสัตว์นครปฐม เข้ากรม ประกอบด้วยปศุสัตว์จังหวัด /ปศุสัตว์อำเภอ / หัวหน้าด่านกักสัตว์จังหวัด /หัวหน้าหน่วยตรวจสุขภาพสัตว์จังหวัด และหัวหน้าหน่วยตรวจสุขภาพสัตว์อำเภอ ซึ่งเป็นผลจากการตั้งกรรมการสอบแล้วพบว่าบกพร่อง จึงสั่งย้ายเข้ากรมปศุสัตว์ทันที