สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' จ่อไปกัมพูชา ทลายแก๊งคอลฯ ชนวนเหตุพ่อเครียดฆ่ายกครัว

โดย panwilai_c

30 ส.ค. 2566

277 views

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางไปกัมพูชาวันพรุ่งนี้ เพื่อหวังว่าจะประสานงานกับตำรวจกัมพูชา ให้ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา โดยเฉพาะล่าสุดคือแก๊งที่หลอกลวงครอบครัวหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้เสียทรัพย์และเป็นเหตุให้เกิดฆาตกรรมในครอบครัวเสียชีวิต 3 ศพ ล่าสุดตำรวจจับเจ้าของ บัญชีม้า 3 คน และขอหมายจับเพิ่มอีก 6 รวมเป็น 11 คนแล้ว



หลังจากประชุมร่วมกับตำรวจภูธรสมุทรปราการแล้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าพรุ่งนี้จะเดินทางประเทศกัมพูชา เพื่อประสานกับตำรวจฝั่งกัมพูชาให้พยายาม เข้าไปทลายฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ระบุว่าผลการสืบสวนพบว่าผู้ตายไม่ได้กู้เงินผ่านแอปเงินกู้ออนไลน์ แต่เป็นขบวนการที่แก๊งคอลเซนเตอร์ แก๊งนี้หลอกลวงขึ้นมา เพื่อหลอกผู้ตายเท่านั้น เพราะรู้ว่าผู้ตายต้องการกู้เงิน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกไปเรื่อยๆตามความต้องการของคน ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่า จะดำเนินคดี กับตัวการและขยายผลเชื่อมโยงไปถึงคดีอื่น ที่ถูกหลอกก่อนหน้านี้ด้วย



เมื่อวานนี้ตำรวจขอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในบัญชีม้าและกรณีการหลอกหลวงนี้ทั้งหมด 5 คน และเมื่อเช้านี้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ได้จับนางสาวสุชาดา ชาบุตรศรี อายุ 19 ปี หนึ่งในเจ้าของบัญชีม้า ที่รับโอนเงินจากผู้ตายและเป็นบัญชีสุดท้าย ก่อนจะถอนเป็นเงินสดออกมาเพื่อเตรียมนำกลับไปให้มิจฉาชีพที่ฝั่งกัมพูชา แต่ถูกตำรวจตรวคนเข้าเมืองจับได้ก่อน และนางสาวสุชาดา ก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง



จากนั้น ช่วงสายวันนี้ ตำรวจจับนายวัชรพงษ์ ครูศรี ที่บ้านพัก อำเภออรัญประเทศ และจับนายชัยยา ก้านศรี ที่บ้านพักอำเภอคลองลึก เนื่องจากทั้งสองเป็นเจ้าของบัญชีม้า แต่ไม่ได้ทำหน้าที่กดเงินออกไปด้วยตัวเอง รายละเอียดอื่นๆอยู่ระหว่างสอบสวน โดยทั้งนางสาวสุชาดา นายวัชรพงษ์ และนายชัยยา เป็น 3 ใน 5 คน ของหมายจับชุดแรกที่ศาลอนุมัติเมื่อวานนี้



นอกจากนี้ ตำรวจภูธรบางแก้ว ได้ขอหมายจับเพิ่มอีก 6 คน หากรวมกับกลุ่มที่ออกหมายจับแล้วจะเป็น 11 คน และเฉพาะ 6 คนล่าสุดนี้ มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ได้ถอนเงินผ่าน ตู้เอทีเอ็ม จากบัญชีม้าในประเทศไทยทั้งหมด 16 ครั้ง รวมเงิน 9 แสนบาท แล้วนำเงินสด ไปให้หัวหน้าแก๊ง ที่อยู่ในกัมพูชา ส่วนเงินสดที่เหลือในบัญชี 8 แสนบาท นำไปลงทุน ในคริปโต มีข้อมูลด้วยว่า ตัวการใหญ่ของแก๊งนี้เป็นชาวไต้หวัน และมีชาวไทยและกัมพูชา เป็นทีมที่หลอกเหยื่อ



สำหรับรายละเอียดเงินกู้ของครอบครัวผู้ตาย ตำรวจยืนยันว่า ครอบครัวได้ยืมเงินมาก้อนหนึ่งแล้ว 5 แสนบาท และกู้ยืมจากเพื่อนคนอื่นๆอีกได้ 1 ล้าน 2 แสนกว่าบาท รวม 1 ล้าน 7 แสนบาท โดยตั้งใจจะนำเงินทั้งหมดไป ปิดหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันการซื้อรถยนต์ของอดีตหัวหน้างานจนถูกฟ้องร้องจะถูกยึดบ้าน กระทั่งเงินก้อนดังกล่าวถูกมิจฉาชีพหลอกผ่านแอปพลิเคชันจนสูญหายทั้งหมด

คุณอาจสนใจ

Related News