ป.ป.ช.นครศรีธรรมราช สั่งกยท. ชี้แจง โครงการจ้างเหมาตัดโค่นไม้ยาง โดยไม่เปิดประมูล

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.จังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งเจ้าหน้าที่กองจัดการโรงงานไม้ยาง การยางแห่งประเทศไทย ส่งคำชี้แจงโดยด่วน หลังจากข่าว 3 มิติ นำเสนอประเด็นที่ภาคประชาชนร้องเรียน พิรุธโครงการจ้างเหมาตัดโค่น และลำเลียงไม้ยางพาราจำนวน 1,300 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งประเด็นการจ้างด้วยวิธีพิเศษโดยไม่ประมูล รวมถึงการเปิดช่องให้ใช้ดุลพินิจขายไม้ให้เอกชนได้ และกรณีที่เห็นว่าไม้ตกเกรด และไม้ถูกตัดเกินกว่ากำลังการผลิตของเครื่องจักร



กลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่กองจัดการโรงไม้ยาง การยางแห่ง ประเทศไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช



ประเด็นที่ไปตรวจสอบ มาจากการที่มีภาคประชาชนร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน รวมถึงที่ข่าว 3 มิติ นำเสนอข้อร้องเรียนดังกล่าวว่า อาจมีความไม่โปร่งใส ในโครงการจ้างเหมา ตัดโค่น ลำเลียงไม้ยางพารา รวมถึงให้ปรับปรุงพื้นที่ ที่ตัดโค่นแล้ว เพื่อเตรียมแปลงไว้ปลูกในระยะต่อไป



ประเด็นที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบคือ เหตุใดการยางแห่งประเทศไทยไม่เปิดประมูลโครงการนี้ แต่ใช้วิธีจัดจ้างวิธีพิเศษ ในงบประมาณ 10 ล้านบาท รวมถึงให้ตรวจสอบเบาะแสกรณีรถบรรทุกไม้ออกจากแปลงตัดไม้ยางของ กยท. แต่กลับมีภาพรถบรรทุกวิ่งเข้าโรงงานเอกชนในพื้นที่ แทนที่จะเดินทางไปส่งที่กองจัดการโรงไม้ยาง ตามข้อตกลงในสัญญา



ผู้อำนวยการสำนักงานป.ป.ช.นครศรีธรรมราช ระบุว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างรอบด้าน ทั้งจากคำชี้แจงในพื้นที่ และจากข้อมูลอื่นๆ ที่จะหาได้ โดยแจ้งให้กองจัดการโรงานไม้ยาง ส่งเอกสารคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรโดยด่วน



ขณะเพจเฟซบุ๊ก ของสำนักงาน ป.ป.ช. นครศรีธรรมราช เผยแพร่ข้อมูลการลงพื้นที่วันนี้ พร้อมระบุว่า ได้ตั้งประเด็นการตรวจสอบไว้ 3 ประเด็น คือการจ้างงานโดยไม่มี การประมูล ซึ่งกองจัดการโรงงานไม้ยางชี้แจง ป.ป.ช.ว่า ใช้วิธีพิเศษ เพราะต้องการจัดซื้อเร่งด่วน ไม่ให้เสียหายต่อ กยท. เป็นไปตามระเบียบของการยางฯ โดยแจ้งเหตุผล ประกอบคำชี้แจงว่า ต้องการผู้รับจ้างที่มีคุณสมบัติ ตามหลักมาตรสากล FSC และต้องการผู้รับจ้างที่มีประสบการณ์ มีเครื่องมือ คนงานพร้อม และไม่ทิ้งงาน



ประเด็นกำหนดราคากลางในการจ้างเหมาตัดโค่น ลำเลียง และการเตรียมพื้นที่ปลูก วงเงิน 10 ล้านบาทนั้น กองจัดการโรงงานไม้ยาง ชี้แจงว่าสืบราคาจากผู้ประกอบการ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช 3 ราย ในอัตราสูงสุด 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม และต่ำสุด ในราคาต่ำสุด 45 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยชำระค่าจ้างตามปริมาณไม้ที่ตัดโค่น และลำเลียงมาที่กองจัดการโรงไม้ยาง กิโลกรัมละ 45 สตางค์



ส่วนการกำหนดราคากลาง เพื่อขายไม้ยางพาราที่ไม่ผ่านมาตรฐาน และไม้คุณภาพดี แต่ตัดโค่นเกินกว่ากำลังการผลิตของเครื่องจักรของโรงงาน ที่ผลิตได้วันละ 70 ตัน จึงต้องขายให้เอกชนนั้น และเป็นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไปนัน่ท กองจัดการโรงงานไม้ยางชี้แจงว่า ราคานี้ ได้หักลบต้นทุนแล้ว



สำหรับข้อร้องเรียนจากภาคประชาชน ที่ระบุว่ามีรถบรรทุกไม้จากแปลงของ กยท.วิ่งเข้าโรงงานของเอกชนนั้น กองจัดการโรงงานไม้ยาง ชี้แจง กยท.ว่าเป็นไม้ที่ผ่านการตรวจคัด แล้วว่าไม่ผ่านมาตรฐานที่จะเข้าไปผลิตหรือแปรรูปในโรงงานของ กยท. เมื่อขายแล้วจึงถือเป็นสิทธิ์ของเอกชนที่ซื้อไป โดยระบุว่าการขายไม้ดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อบังคับของ กยท.



ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่าคำชี้แจงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับมา แต่ ป.ป.ช. ยังต้องเสาะแสวงหาพยานหลักฐานอื่น ทั้งจากภาคประชาชนที่ร้อง และเอกชนที่เกี่ยวข้องด้วย



นายจักรินทร์ ยังระบุว่า เมื่อได้หลักฐานและคำชี้แจงครบถ้วน ก็จะนำไปสู่การตรวจสอบและรายงานผล และหากพบเหตุสงสัย หรือพฤติการณ์ที่เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ ก็จะดำเนินการตามหน้าที่ ของ ป.ป.ช.