รวบนายทุนเวียดนาม สวมบัตรปชช.ไทย ปล่อยเงินกู้-ซื้อขายที่ดิน

ข่าว 3 มิติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในจังหวัดหนองบัวลำภูว่า ถูกชาวเวียดนาม ที่สวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย เข้ามาทำธุรกิจปล่อยเงินกู้และรับขายฝากที่ดิน และถูกปลอมแปลงเอกสาร นำโฉนดไปขายทอดตลาด โดยมีข้าราชการท้องถิ่น ช่วยปลอมแปลงเอกสารและทำบัตรประชาชน สร้างความเดือดร้อนเรื่อยมา ตอนนี้นายทุนชาวเวียดนามถูกตำรวจสอบสวนกลางจับแล้ว และพบว่าผู้ต้องหาสร้างความเดือดร้อน ให้กับชาวบ้านอีก 3 จังหวัดแถบภาคอีสาน ที่ถูกยึดที่ทำกินหลายราย 

บ้านราคาหลายล้านบาท ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี พร้อมรถยนต์หรูอีก 3 คัน เป็นบ้านพักของนายกิตตินันท์ สนทราภิราม หรือ สเตฟาน อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ปลอมแปลงบัตรประชาชนของผู้อื่น ขณะตำรวจสอบสวนกลางเข้าจับกุม นายกิตตินันท์ อาศัยอยู่กับภรรยา คือนางณิชาภัทร อดีตปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เป็นเจ้าของบ้าน


จาการสืบสวนพบว่า นายกิตตินันท์ เป็นชาวเวียดนาม มีชื่อว่า มิน เตรินวัน ได้สวมบัตรประชาชนของ นายอนุสรณ์ ดีเจริญ ที่จังหวัดหนองคาย เมื่อปี 2540 และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุลเป็น กิตตินันท์ สุนทราภิราม ขณะสวมบัตรเจ้าของบัตรยังมีชีวิตอยู่ และได้เสียชีวิตเมื่อปี 2557


เป็นเวลา 26 ปี ที่นายกิตตินันท์ได้สวมบัตรและเริ่มทำธุรกิจรับขายฝากที่ดิน และได้สร้างความเดือดร้อนให้กับ เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่จ.หนองบัวลำภู ถูกนายกิตตินันท์ สร้างข้อมูลเท็จโดยการปลอมรายละเอียดในเอกสารหลังโฉนดที่ดิน ระบุชื่อนายกิตตินันท์ เป็นผู้มีอำนาจขายฝากในโฉนดที่ดิน มีเจ้าหน้าที่กรมที่ดินช่วยเหลือ ก่อนจะนำไปขายทอดตลาด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรายนี้ ถูกนายทุนที่มาซื้อที่ดินไป 1 ล้านบาท ฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน ถูกคุมขังอยู่ 7 วันขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นอุทธรณ์


ตำรวจกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ซึ่งได้เข้าจับกุมนายกิตตินันท์ ระบุพฤติกรรมของผู้ต้องหา เป็นกลุ่มนายทุนชาวเวียดนาม ได้ทำธุรกิจรับซื้อขายฝากที่ดิน แต่ได้สร้างข้อมูลเท็จ เพื่อนำที่ดินของชาวบ้านไปขายทอดตลาด


จากการสืบสวนยังพบว่า นายกิตตินันท์ ได้ไปยื่นคำร้องขอทำบัตรประชาชนใหม่ ที่อ.เมือง จ.อุดรธานี แต่นายทะเบียนตรวจสอบพบว่าไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย และได้นำเอกสารปลอมมายื่น จึงถูกออกหมายจับ ตั้งแต่ปี 2565 และยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายถูกยึดที่ดินไป โดยผู้ตอ้งหาอ้างกำลังจะเข้ามอบตัว แต่ให้การปฏิเสธ


โดยพบว่าผู้เสียหาย ใน 3 จังหวัด ทั้งจ.อุดรธานี หนองคาย และหนองบัวลำภู เตรียมจะเข้าแจ้งความเพิ่ม ที่ตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนอดีตปลัดอำเภอ ซึ่งเป็นภรรยาจะให้การช่วยเหลือ ในการได้บัตรประชาชนหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ