ชาวอีสานร้อง กลุ่มทุนเวียดนามร่วมมือจนท.สวมบัตรปชช. ทำธุรกิจหลอกคนไทย

มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ร้องเรียนมาที่ข่าว 3 มิติ ว่า มีกลุ่มทุนชาวเวียดนาม ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่ดิน เอาคนสัญชาติเวียดนามที่มีทุนทรัพย์ มาสวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนเป็นคนไทย เพื่อทำธุรกิจ รับซื้อ-ขายฝากที่ดิน นำใบโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ สร้างข้อมูลเท็จเปลี่ยนแปลงเพิ่มยอดหนี้มากขึ้น หลายคนตกเป็นเหยื่อถูกขับไล่ออกจากที่ทำกิน



นางสาวลีลาวดี สมเสียง ลูกสาวของนางหนูพูล สมเสียง นำเอกสารหลักฐานใบโฉนดที่ดินร้องเรียนกับข่าวสามมิติ หลังจากถูกกลุ่มทุนชาวเวียดนาม ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่ดิน เอาคนสัญชาติเวียดนามที่มีทุนทรัพย์ มาสวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนเป็นคนสัญชาติไทยทำธุรกิจ รับซื้อ-ขายฝากที่ดิน นำใบโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ สร้างข้อมูลเท็จเปลี่ยนแปลงเพิ่มยอดหนี้มากขึ้น หลายคนตกเหยื่อถูกขับไล่ออกจากที่ทำกินกันเป็นจำนวนมาก



และใบโฉนดที่มีชื่อของนางหนูพูล สมเสียง ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวลีลาวดี ใบนี้ก็ เป็นเหยื่อรายหนึ่งซึ่งถูกกลุ่มทุนชาวเวียดนาม มาสวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนเป็นคนสัญชาติไทยทำธุรกิจ รับซื้อ-ขายฝากที่ดิน นำใบโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ สร้างข้อมูลเท็จเปลี่ยนแปลงเพิ่มยอดหนี้



ซึ่งพฤติกรรมการทำธุรกิจของกลุ่มทุนชาวเวียดนาม ที่เข้ามาสวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนเป็นคนสัญชาติไทย ทำธุรกิจ รับซื้อ-ขายฝากที่ดิน กับแม่ของตนเองนั้น แรกๆเลย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นคนสัญชาติเวียดนามแฝงตัวมา พอทราบอีกที่ ก็เพราะการมีลายเซ็นต์ในสลักหลังใบโฉนดการฝากซื้อ ขายโดยที่ตนเองไม่ได้ทำธุรกรรมกับเขาเลยและไม่เคยรู้จักอีกด้วย



นายสถาปนา พุทธจักร ทนายความเปิดเผยกับทีมข่าวว่า กรณี เคสคดีของนางหนูพูล ซึ่งแม่ของนางสาวลีลาวดีนี้ คือหนึ่งที่ถูกกลุ่มทุนชาวเวียดนาม ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่ดิน เอาชาวเวียดนาม มาสวมสิทธิ์ทำบัตรประชาชนเป็นคนสัญชาติไทยทำธุรกิจ รับซื้อ-ขายฝากที่ดิน และนำใบโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ สร้างข้อมูลเท็จเปลี่ยนแปลงเพิ่มยอดหนี้กลุ่มทุนชาวเวียดนามอาจจะมองว่าแม่ของลีลาวดีมีอายุมากแล้วจึงหลอกได้



โดยรูปแบบพฤติกรรมการทำธุรกิจของกลุ่มทุนชาวเวียดนาม นายสถาปนา พุทธจักร ทนายความยังเชื่อว่า ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย เพราะมีเอกสารทางราชการประทับตราลงลายเซ็นต์ให้เรียบร้อบ.



ทีมข่าวสามมิติยังลงพื้นที่ตรวจสอบประวัติกลุ่มนายทุนชาวเวียดนามกลุ่มนี้และพอสังเกตได้ว่า นายกิตตินันท์ สุนทราภิราม มีการเปลี่ยนซื่อ นามสกุล และทำใบขับขี่ ที่มีข้อพิรุจผิดปกติเป็นจำนวนมาก ประวัติของนายกิตตินันท์เริ่มเข้ามาในประวัติทะเบียนราษฎร์ตั้งแต่ปื พ.ศ.2527 มีประวัติทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ปี 2541 มีข้อสงสัยเป็นจำนวนมากพรุ่งนี้ทีมข่าวสามมิติเราจะนำเสนอปัญหาเรื่องกันต่อ