สังคม
โผล่อีก! ชาวบ้านร้องถูกหลอกซื้อบัตรปชช. สวมเป็นผู้ประกอบการชวดสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดย taweelap_b
13 มี.ค. 2566
227 views
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านโคกสีทองหลาง ต.โคกสีทองหลาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ว่าไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากเป็นผู้มีรายได้เกิน 300,000 บาทต่อปี ทั้ง ๆ ที่มีอาชีพเกษตรกร ทำไร่ทำนา อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ถูกตัดสิทธิทั้งครอบครัว ทั้งนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันอีกประมาณ 20 คน ก็ไม่ได้รับสิทธิเช่นกัน ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับสวัสดิการใด ๆ จากภาครัฐ
นางไพบูลย์ ปะสังคะเต อายุ 50 ปี ชาวบ้านโคกสีทองหลาง ต.โคกสีทองหลาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พร้อมด้วยเพื่อนบ้าน ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่ 9 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนบ้านได้ไปติดต่อตรวจสอบการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อย กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. สาขาวาปีปทุม แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนและเพื่อนบ้านเป็นผู้มีรายได้เกิน 300,000 บาทต่อปี แนะนำให้ไปที่สรรพากร อำเภอวาปีปทุม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สรรพากรก็ตรวจสอบพบว่า ตนมีรายได้อยู่กับบริษัทหนึ่ง ตั้งอยู่ที่เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และเพิ่งจะจ่ายภาษีไป 30,000 บาท เมื่อต้นเดือนมี.ค. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่เคยรู้ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ตนจึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.วาปีปทุม
"ตอนนี้เดือดร้อนมาก เนื่องจากไม่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2558 คนในหมู่บ้าน ชื่อกิ๊ก ได้มาขอสำเนาบัตรประชาชนของฉันและเพื่อนบ้านประมาณ 20 คนไป อ้างว่าไม่ได้เอาไปทำอะไรเสียหาย และจะให้ค่าตอบแทนคนละ 2,000 บาท ฉันเห็นว่าเป็นคนในหมู่บ้านจึงไว้ใจ และได้ให้สำเนาบัตรประชาชนไป และได้ค่าตอบแทนมา" นางไพบูลย์ กล่าว
ต่อมา ปี 64 ตนได้ไปลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิ ตรวจสอบก็พบว่ามีรายได้เกิน 300,000 บาทต่อปี และมีชื่อเสียภาษีในบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตนจึงแจ้งไปที่นางกิ๊ก นางกิ๊กก็บอกว่าจะดำเนินการเอาชื่อออกให้ ซึ่งตนก็คิดว่าเรื่องน่าจะจบไปแล้ว เมื่อทางรัฐบาลให้ไปลงทะเบียนขอรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งล่าสุด ตนก็ไปลงทะเบียน แต่พอตรวจสอบก็ยังพบว่าไม่ได้รับสิทธิ เพราะมีรายได้เกิน 300,000 บาทต่อปี และครั้งนี้คนในครอบครัวอีก 5 คนก็ไม่ได้รับสิทธิเช่นกัน ถูกตัดสิทธิทั้งครอบครัว โดยทางธนาคารให้ไปตรวจสอบที่สรรพากร ทางสรรพากรก็แจ้งว่าตนมีรายได้อยู่กับบริษัทหนึ่งในเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่งตนไม่เคยรู้เห็น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน นอกจากตนก็ยังมีเพื่อนบ้านอีกประมาณ 20 คน ก็ไม่ได้รับสิทธิเพราะมีรายได้เกิน 300,000 บาทต่อไปเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ตนจึงอยากวอนขอความช่วยเหลือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนมีอาชีพเป็นเกษตรกร อยู่บ้านทำไร่ทำนา เลี้ยงหลานเพียงอย่างเดียว สามีก็หารับจ้าง หาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ลูกหลานก็ส่งเงินให้เดือนละ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น หากไม่มีเงินก็ไปกู้เงินดอกมา หรือหยิบยืมเพื่อนบ้าน ไม่ได้เปิดบริษัทใหญ่โต ตามที่สรรพากรแจ้ง ขณะนี้จึงกังวลว่าหากบริษัทปิดกิจการ อาจมีภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ตนตกอยู่ในภาวะต้องไปใช้หนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ก่อขึ้น อีกทั้งอยากฝากถึงผู้มีความรู้พาไปแจ้งความดำเนินคดีกับนางกิ๊ก ที่มาเอาบัตรประชาชนของตนไปขายให้บุคคลอื่น และอยากที่จะได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ได้รับสิทธิตามที่รัฐจัดสรรให้ ตอนนี้ 8 ปีแล้วที่ตนต้องเสียสิทธิ ตนรู้สึกไม่สบายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย