ญาติ 'สารวัตรคลั่ง' ส่งทนายยื่นขอความเป็นธรรม ติดใจตร.ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่

ครอบครัวสารวัตรสังกัดตำรวจสันติบาล ที่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และเสียชีวิตขณะเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ ได้ส่งทนายความยื่นขอความเป็นธรรม หลังยังสงสัยการทำงานของตำรวจว่าทำเกินกว่าเหตุ พร้อมเตรียมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ตรวจสอบว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่


นายอนุชิต ธาตุเสียว ทนายความของครอบครัวสารวัตรสังกัดสันติบาล ที่ก่อเหตุยิงปืนในบ้านพัก ที่หมู่บ้านมั่นคงย่านสายไหม เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับพันตำรวจเอกรังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สน.สายไหม หลังสารวัตรสันติบาลเสียชีวิต จากการถูกยิงในปฏิบัติการเข้าควบคุมสถานการณ์ ทั้งนี้ครอบครัวยังติดใจสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตและสงสัยว่าการปฏิบัติการดังกล่าวน่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะในที่เกิดเหตุ มีรอยกระสุน หลังจากสารวัตรกระโดดหน้าต่างลงมาแล้ว


สำหรับ ข้อเรียกร้อง ที่ครอบครัวสารวัตร ต้องการให้ดำเนินการประกอบด้วย

1. ให้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ว่าใช้ปืนกี่กระบอก / กระสุนกี่นัด / เจ้าหน้าที่ที่บุกเข้าไปในบ้านมีใครบ้างและแต่ละนายยิงปืนจากตำแหน่งใด

2. อยากให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนในคดีนี้

3. ให้สอบสวน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ที่ตัดสินใจในปฏิบัติการครั้งนี้

4. ให้สอบสวนคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน คือ ภายในวันที่ 22 มีนาคม

5.ให้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุว่าได้ตรวจยึดสิ่งใดบ้าง

ขณะที่พลตำรวจตรีสมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ตำรวจกำลังดำเนินการเชิญอัยการ เข้ามาร่วมการสอบสวน เนื่องจากสำนวนคดีนี้เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาร่วมทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อสรุปอยู่แล้ว


ส่วนกรณีที่ทางครอบครัว ระบุระยะเวลาว่า ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วันนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคดีนี้มีรายละเอียดมาก ซึ่งเบื้องต้นได้พบและพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับทนายความของครอบครัวสารวัตรแล้ว


วันพรุ่งนี้ (21 มีนาคม 2566) ทนายความจะไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบว่าปฏิบัติการของตำรวจเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ รวมถึงพี่ชายของสารวัตรซึ่งเป็นตำรวจระดับผู้กำกับการ ก็จะเดินทางมาที่กรุงเทพเพื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยตนเอง