ผลเลือกตั้ง ก.ตร.ชุดใหม่ 'มนู-เอก-วินัย' วิน วงการตำรวจหวังแก้โยกย้ายไม่เป็นธรรม

สำหรับการเลือกตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการแล้ว โดยมีอดีตนายพลตำรวจ 3 นายได้คะแนนสูงสุด ท่ามกลางความคาดหวังของวงการตำรวจ ว่า ก.ตร.ชุดใหม่ จะเข้ามาสร้างความเป็นธรรมในวงการตำรวจ ลดปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม



ตำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ยศรองผู้กำกับการ หรือเทียบเท่า จนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีสิทธิในการเลือกตั้ง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ เกือบ 2 หมื่น ซึ่งการเลือก ก.ตร ครั้งนี้ มีกฎระเบียบว่าห้ามหาเสียงในที่สาธารณะ ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่งข้อความแสดงวิสัยทัศน์ กันเป็นการภายใน



หลังเลือกตั้ง จากผู้สมัคร 23 คน ที่เคยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการขึ้นไป และเกษียณมาแล้ว 2 ปี ปรากฏกว่า ผู้ได้รับเลือกตั้ง 3 คน คือ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และก่อนหน้านั้นเคยเป็นนายเวรของ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนเกษียณอายุราชการเป็นแคนดิเดท ตำแหน่ง ผบ.ตร.



ส่วนผู้ได้รับเลือกอีกท่านคือ พล.ต.อ.เอก อัสสนานนท์ จบด้านนิติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ก่อนเกษียณอายุราชการ ได้ย้ายไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยขณะนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ขึ้นเป็นผบ.ตร. มีผลงานด้านการสอบสวนคดีโรฮิงญา และด้วยมือด้านกฎหมายจึงมีสำนวนคดีสำคัญๆผ่านมือเป็นร้อยสำนวน



ขณะที่ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการแห่งชาติ และยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมตำรวจ ซึ่งได้รับเลือกเช่นกัน ที่ผ่านมาพยายามเป็นปากเป็นเสียงออกมาปกป้องตำรวจที่ทำงาน แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา นับเป็นตำรวจที่ชอบทำงานให้กับสังคมส่วนรวมอีกท่านหนึ่ง จึงเสนอตัวเข้ามาทำงานเป็น ก.ตร.ในครั้งนี้



เป็นความคาดหวังอีกครั้งหนึ่ง ให้กับองค์กรตำรวจทั้งข้าราชการตำรวจด้วยกันเอง และประชาชน ที่อยากเห็นองค์กรตำรวจพัฒนาขึ้น ศ.พล.ต.ต.ดร.ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ อาจารย์คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เห็นว่า เป็นโอกาสที่ดี ที่จะมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นปากเสียงดูแลตำรวจ

ด้วยสถานการณ์ที่ตำรวจพบกับแรงกดดันและ แรงเสียดทาน เชื่อว่าตอนจบจากสถาบัน ซึ่งในฐานะอาจารย์ได้สั่งสอนให้ ออกไปเป็นตำรวจที่มีอุดมการณ์ แต่เมื่อออกไปสนามจริง เชื่อว่าตำรวจที่มีอุดมการณ์ยังมีอยู่ แต่ต้องเจอกับอุปสรรค หรือการตั้งใจทำงานดี แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้ได้รับตำแหน่ง หรืองานที่เหมาะสม ทำให้องค์กรเสียคนดี หรืออาการเจ็บป่วยเป็นซึมเศร้า หรือร้ายกว่านั้นถึงขั้นฆ่าตัวตาย



จึงอยากจะเห็น ก.ตร. ที่เข้ามา เป็นตัวแทน เป็นเหมือนน้ำ ที่เข้ามารดหญ้าและต้นไม้ ให้ฟื้น ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ก็ขอให้ใช้ดุลยพินิจ สำคัญกว่าตีความตามตัวอักษร เลือกผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท (ข) ผู้สมัครที่ไม่เคยเป็นข้าราชการตำรวจ 3 คน ส่วนผู้ชนะการเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ข) อันดับ



1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือ ปลัดฉิ่ง ได้คะแนน 6,943 คะแนน

2. รศ.ประทิต สันติประภพ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้คะแนน 6,151 คะแนน

3. ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้คะแนน 5,051คะแนน

ซึ่งขณะนี้ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศและรับรองผลอย่างเป็นทางการไม่เกินสิ้นเดือนนี้