จนท.ลงพื้นที่มวกเหล็ก สอบนายทุนใหญ่ มีชื่อครอบครองที่สปก.กว่า 700 ไร่ ไม่ถูกต้อง

คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองท้องถิ่นฯ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะลงพื้นที่ จ.สระบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพบชื่อผู้บริหารและพนักงานบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย มีชื่อครอบครองที่ดิน สปก.รวม 41 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 700 ไร่ หรือกินพื้นที่เกือบรอบภูเขา โดยก่อนหน้านี้กรรมาธิการฯ พบว่าทั้ง 41 คน มีชื่อในระบบประกันสังคมของบริษัทเอกชน ซึ่งไม่น่าเข้าเงื่อนไขครอบครองที่ดิน สปก.ได้



ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี คือพื้นที่เป้าหมายที่คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่นและบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะเข้าตรวจสอบ เพราะมีทั้งผู้ยื่นหนังสือร้องเรียน และมีหลักฐานตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดินรวมกว่า 700 ไร่ กินพื้นที่ภูเขาเกือบทั้งลูก มีพื้นที่ใกล้เคียงกันใน 4 หมู่บ้าน ของต.หนองย่างเสือ คือพื้นที่สปก. ซึ่งผู้ครอบครองไม่น่าจะเป็นเกษตรกรที่แท้จริง



นายศุภกร อรุณศรี ซึ่งเป็นร้องเรียนกรณีนี้ไปกรรมาธิการระบุว่เขาเคยร้องเรียนไปที่ดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถึงนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบกรณีนี้ที่พบชื่อผู้บริหารบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ แต่กลับมีชื่อครอบครองที่ดินสปก.รวมกันเกือบ 1 พันไร่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้



ต.หนองย่างเสือ เป็นหนึ่งในพื้นที่ของอำเภอมวกเหล็ก ซึ่งที่ดินเกือบร้อยเปอร์เซ็น อยู่ในเขตสปก.ที่จัดสรรให้ราษฎรทำเกษตร และมีจุดสีแดงบางส่วน เป็นพื้นที่เชิงเขาสูงที่ทำเกษตรไม่ได้ ก็ถูกปล่อยไว้เป็นสภาพป่า



แต่สภาพจริงที่เห็นขณะนี้ ในพื้นที่ตำบลหนองย่างเสือ มีการใช้ประโยชน์ที่เปลี่ยนไปมาก ส่วนหนึ่งยังคงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมล้วนทั้งปลูกอ้อย ข้าวโพด สวนผลไม้ ผัก หรือไม้ยืนต้น บางส่วน พัฒนาเป็นเกษตรกรผสมผสาน กึ่งท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเปลี่ยนไปตามสภาพความสังคม



แตกต่างจากแปลงที่กรรมาธิการฯมาตรวสอบนี้พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ ยังรกร้าง ลักษณะครอบครองแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ จะมีบ้างที่พบการทำกินโดยผู้ครอบครองได้ว่าจ้างชาวบ้านเฝ้าแปลงที่ดินให้ แลกกับการทำให้ประโยชน์บนที่ดินเหล่านี้



ประธานกรรมาธิการฯ ระบุว่าได้ตรวจสอบคำร้องกรณีที่ดิน 41 แปลง พบว่าผู้มีชื่อครอบครอง สปก.บ้างก็เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ้างก็เป็นประธานกรรมการบริษัท ทั้งกิจการก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ และอีกกว่า 40 คนที่มีชื่อเป็นพนักงานของบริษัทในเครือ ซึ่งไม่น่าจะเข้าเงื่อนไขการได้รับสิทธิ์ในฐานะเกษตกร



ข่าว 3 มิติ ตรวสอบจากเจ้าหน้าที่ สปก. ซึ่งลงพื้นที่ด้วย โดยตรวจสอบพิกัดแปลงผ่านระบบออนไลน์ของสปก. พบว่าทั้ง 2 แปลง จาก 41 แปลงที่ตรวจสอบ ปรากฏชื่อครอบครอง จากนั้นนำชื่อดังกล่าวไปตรวจสอบจากฐานข้อมูลของกรรมาธิการ ที่ตรวจสอบจากสำนักงานประกันสังคมมาก่อน ก็พบว่ามีชื่อในระบบประกันสังคมของบริษัทเอกชนจริง



ข้อมูลเหล่านี้ เป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่กรรมาธิการได้รับ และจะเชิญสปก.จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติจัดสรรที่ดินให้ราษฎร ชี้แจงว่าผู้มีชื่อครอบครอง 41 แปลง ตามร้องเรียนมีคุณสมบัติจริงหรือไม่ หากไม่จริงเจ้าหน้าที่รัฐต้องดำเนินคดี เพิกถอนสปก. และหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินคดีแม้แต่การเริ่มตรวจพิสูจน์สิทธิ์ 41 รายดังกล่าว ก็จะเดินหน้าเอาผิดมาตรมา 149-และ157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วย