เปิดเบื้องหลังซ้อนแผนจับ 'อธิบดีกรมอุทยานฯ' หลังถูกร้องเรียนรับสินบนแต่งตั้งโยกย้าย

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร่วมกับตำรวจ ปปป. ซ้อนแผนจับอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเรียกรับสินบน โดยมีเงินสดที่ใช้เป็นหลักฐาน 98,000 พันบาท แต่หลังจากแสดงตัวเข้าจับ และตรวจค้นในห้องก็พบเงินเกือบ 5 ล้านบาท คดีนี้เริ่มมาจากที่มีข้าราชการร้องเรียนว่ามีการเรียกรับค่าโยกย้าย หรือแม้แต่ค่าคงอยู่ในตำแหน่ง และส่วนแบ่งจากงบประมาณโครงการ ที่หน่วยงานได้รับจัดสรร ต่อไปนี้คือเบื้องหลังการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จนมีการซ้อนแผนเข้าจับกุม



เงินสด 98,000 บาท ที่ตำรวจปปป. และเจ้าหน้าที่ปปช.จะใช้จะเป็นหลักฐานเอาผิดอธิบดีกรมอุทยานฯ ถูกแยกใส่ซอง 3 ซอง เสมือนว่าเป็นเงินจากส่วนอุทยานฯ 2 เดือน และส่วนอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า 1 เดือน ก่อนจะนำเงินทั้ง 98,000 บาทใส่ซอง เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสาร และบันทึกหมายเลขธนบัตร ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน



จนเมื่อ 6 โมงเช้าวันนี้ ตำรวจปปป. เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ปปท. กระจายตัวไปอยู่ตามชั้นๆต่างในอาคาร กระทั่งราว 8 นาฬิกา 30 นาที เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ จึงนำซองบรรจุเงินดังกล่าว ไปมอบให้อธิบดีที่ห้องทำงานชั้น 6 พร้อมกับมีการสนทนาระดับหนึ่ง จึงเดินออกมา จากนั้น ตำรวจปปป.เจ้าหน้าที่ปปช.ที่อยู่ชั้นต่างๆ จึงตามไปสมทบที่ห้องทำงานชั้น 6



ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. และผู้บังคับการตำรวจ ปปป.เจรจาขอตรวจค้นหาซองเงินที่เป็นหลักฐาน แต่อธิบดีกรมอุทยานฯ ขอให้แสดงหมายค้น เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นความผิด ซึ่งหน้า จึงไม่ต้องใช้หมายค้นและขอให้เปิดลิ้นชักออกเพื่อตรวสอบ



เจ้าหน้าที่ ปปป. ตรวจสอบในลิ้นชัก จนพบซองเงินสด 98,000 บาท จึงแสดงหลักฐานที่ถ่ายเอกสารไว้เพื่อเทียบเคียง ระหว่างนั้นก็ตรวจสอบในลิ้นชักอื่น ตู้เซฟ และกระเป๋าสะพายก็พบเงินสดบรรจุอยู่หลายจุ



ส่วนมากบรรจุในซองสีน้ำตาล บางซองเขียนกำกับเป็นชื่อสกุล ของบุคคล บางซองระบุชื่อหน่วยงาน ในสังกัดของกรมฯ พร้อมระบุชื่อเดือน เช่นกระเป๋าสะพายนี้ มีซองเงินจากหน่วยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ บรรจุเงินถึง 1.6 ล้านบาท ซองที่เขียนว่ามาจากแต่ละหน่วยงานนั้น จำนวนเงินในซองจะมากน้อยแตกต่างกัน แต่มักเขียนกำกับว่าเป็นเงินของเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจนับทั้งหมด ก็นับได้ราว 4.9 ล้านบาท



หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวอธิบดีกรมอุทยานฯ ไปที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริและประพฤติมิชอบ สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ปากคำร่วมกับ เจ้าหน้าที่ปปช. และปปท. ผู้บังคับการตำรวจปปป.ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหายังให้การภาคเสธ โดยระบุว่ารับซองสีน้ำตาลจริง แต่ไม่รู้ว่าภายในเป็นอะไร ส่วนเงินอื่นๆที่พบยังไม่ขอให้การ แต่ตำรวจก็ยืนยันว่ามีหลักฐานครบ ทั้งก่อน ขณะ และหลังเกิดเหตุการณ์



เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่า ผู้เสียหายหลายคนร้องเรียนปปช.ว่าต้องจ่ายเงินสินบน และเงินค่าโครงการต่างๆที่ได้รับจัดสรร ในอัตราแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่ได้รับ ตั้งแต่ร้อยละ 18.5 ถึงร้อยละ 30 ขณะเดียวกันก็ระบุว่า เจ้าหน้าที่อื่นๆที่เป็นคนจ่ายเงินนั้น ป.ป.ช.จะพิจารณาเป็นราย ๆ ว่า มีความผิดหรือไม่ หากให้ความร่วมมือก็จะกันไว้เป็นพยาน



ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฐานฐานเรียกรับ หรือยอมจะรับสินบน และเป็นเจ้าพนักงานฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่ จากนั้นจะรวบรวมหลักฐาน และสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน เพื่อให้ปปช.พิจารณาว่าจะดำเนินคดีเองหรือไม่ หรือมอบให้ตำรวจปปป.ดำเนินคดี