'ทะเลหมอกสองแผ่นดิน' จุดชมวิวฮิตแม่ฮ่องสอน สู่การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ เปิดการท่องเที่ยวทะเลหมอกสองแผ่นดิน หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันว่าทะเลหมอกกลอเซโล หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับลุ่มน้ำสาละวิน จึงร่วมมือกับอีก 3 อบต.และโครงการพัฒนาพื้นที่สูง จัดระบบการท่องเที่ยวที่ยิ่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม



ทะเลหมอกผืนกว้างปกคลุมพื้นที่ป่าลุ่มน้ำสาละวินทั้งในฝั่งประเทศไทยและรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำสาละวิน ทำให้ทะเลหมอกที่นี่ถูกขนานนามว่าทะเลหมอกสองแผ่นดิน ในยามเช้านักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกที่สวยงาม พร้อมอากาศหนาวเย็น ตามม่อน หรือจุดชมวิวที่มีทั้งบ้านบุญเลอ และบ้านกลอเซโล มากว่า 20 ม่อนในพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ



ในตอนกลางวันสามารถชมวิวแม่น้ำสาละวิน และจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำเมย ที่เรียกว่าสบเมย ได้จากจุดนี้ รวมถึงธรรมชาติที่งดงามของป่าลุ่มน้ำสาละวิน ที่ชาวบ้านช่วยกันรักษาไว้ ทำให้เกิดระบบนิเวศธรรมชาติมีทะเลหมอกให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดขณะนี้



นักท่องเที่ยวนิยมขับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์มายังม่อนต่างๆ ซึ่งชาวบ้านจะจัดจุดเช่ากางเต้นท์ จุดละ 100 บาท เช่าเต้นท์หลังละ 100 บาท จุดบริการที่จอดรถ รายได้จะแบ่งเข้าส่วนกลางของหมู่บ้าน และสนับสนุน อบต.ในการบริหารจัดการความปลอดภัยต่างๆ และชาวบ้านที่ว่างเว้นจากการทำการเกษตรได้นำผลิตผลต่างๆมาขายให้นักท่องเที่ยว กลายเป็นอีกแหล่งรายได้ ที่ทาง อบต.แม่สามแลบ อยากเห็นการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้รักษาระบบนิเวศธรรมชาติไว้ได้ อย่างเช่นการณรงค์ให้นักท่องเทียวไม่ใช้ขยะพลาสติกเพราะที่นี่มีการทำภาชนะจากไม้ไผ่ จัดจุดคัดแยกขยะ และให้นำขยะกลับบ้าน



อบต.แม่สามแลบ ร่วมกับ อบต.แม่สวด อบต.สบเมย และ อบต.สันติคีรี อ.สบเมย และสถาบันวัจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับการดำเนินงานบนพื้นที่สูงมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นประธาน และคาดหวังให้นักท่องเที่ยวร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะลุ่มน้ำสาละวิน มีป่าไม้ มีทรัพยากร มีวิถีชีวิตของชาติพันธุ์ ที่ควรให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีของประชาชนในพื้นที่เพื่อให้เที่ยวอย่างมีความสุข



พื้นที่ตำบลแม่สามแลบอยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่สูง ชาวบ้านที่ทำการเกษตรจึงมีผลผลิตที่หลากหลายที่สามารถสร้างการตลาดส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เช่น กาแฟ น้ำผึ้ง เสาวรส อะโวคาโด้ และผ้าทอพื้นเมืองกะเหรี่ยง ที่เชื่อว่าหากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและต้องรักษาสิ่งแวดล้อม



โดยเฉพาะลุ่มน้ำสาละวิน ที่ยังเป็นแม่น้ำไม่กี่สายในโลกที่ไม่มีการสร้างเขื่อนทำให้สามารถรักษาระบบนิเวศ มีทะเลหมอกที่สวยงามได้ก็มาจากการต่อสู้ของประชาชนในลุ่มน้ำสาละวินตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาด้วย รวมถึงความคาดหวังที่จะเห็นสันติภาพชายแดนสาละวิน ก็เป็นเรื่องสำคัญต่อการท่องเที่ยวที่ยังยืนยของที่นี่ด้วย