ดีเอสไอ ค้นหลักฐานทุจริตสหกรณ์สวนปาล์มน้ำมัน หลังเงินหมุนเวียนนับพันล้าน เหลือ 8 พันบาท

กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นที่จังหวัดกระบี่และเจ้าหน้าที่ธนาคารบางคน เกี่ยวข้องกับการทุจริตยักยอกทรัพย์ ของชุมนุมสหกรณ์ ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ โดยก่อนหน้านี้ มีผู้ถูกแจ้งข้อหาไปแล้วถึง 17 คน เป็นอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ ตั้งแต่ประธานชุมนุมสหกรณ์ ไปจนถึงผู้ตรวจบัญชี



ขณะที่อธิบดีดีเอสไอระบุว่าการทุจริตดังกล่าว ทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ ที่เคยมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท เหลือเงินในบัญชีเพียง 8 พันบาท เท่านั้น



ดีเอสไอพร้อมตำรวจจังหวัดกระบี่ เข้าค้น 2 จุดในตำบลทรายขาว และพรุดินดำ อำเภอคลองท่อม เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกรณีทรัพย์สิน ของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์ม น้ำมันกระบี่จำกัด ถูกยักยอกออกไป ซึ่ง 2 จุดที่เข้าค้น เกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ในจ.กระบี่ และเป็นบุคคลที่ชุมนุมสหกรณ์ฯ ยื่นหนังสือต่อดีเอสไอ กล่าวหาว่าร่วมกับ อดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ เป็นกลุ่มผู้จัดตั้งบริษัทน้ำมันปาล์มแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกระบี่ร่วมกันครอบครองทำประโยชน์ในโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันของชุมนุมสหกรณ์ ที่ อ.คลองท่อม



จุดที่ 3 คือ บ้านพักหลังหนึ่งในตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ ที่ดีเอสไอได้ข้อมูลว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัด ที่มีส่วนสำคัญกับการประชุมของคณะกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ โดยชักจูงให้ชุมนุมสหกรณ์ขายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ที่อ.คลองท่อม ให้บริษัทเอกชนที่นักการเมืองและอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ตั้งขึ้น และดีเอสไอยังคาด ว่า จนท.ธนาคารคนนี้ เป็นผู้ยกร่างสัญญาจะซื้อจะขายในลักษณะที่ทำให้ชุมนุมสหกรณ์เสียเปรียบอย่างหนัก



ก่อนหน้านี้ผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบการทุจริตที่กระทบสมาชิกกว่า 5 หมื่นคน ดีเอสไอ จึงรับเป็นคดีพิเศษ ได้ตรวจพบว่า ผู้บริหารหลายชุดตั้งแต่ช่วงปี 2560-2564 มีส่วนทุจริตเช่น



ซื้อปาล์มจากสมาชิกลดลง แต่ซื้อจากสวนใหญ่อื่นๆมากขึ้น กรรมการบางคน นำรถบรรทุกตัวเองไปแอบแฝงไว้ ในบริษัทขนส่งเป็นคู่สัญญากับชุมนุมสหกรณ์ เพื่อนำมาขนส่ง ปาล์มน้ำมันของชุมนุมสหกรณ์เอง /รวมถึงไม่ติดตามทวงหนี้ 380 ล้านบาท จากบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่ผู้บริหารทำสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มไว้ เป็นต้น ดีเอสไอได้ แจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารชุดที่ 19-21และ 22 รวม 17 คน ฐานทุจริตยักยอกทรัพย์



และจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าค้น 3จุดที่กระบี่ เพราะพบความเชื่อมโยงว่า /ในช่วงที่ชุมนุมสหกรณ์ ถูกทุจริตมาก จนเงินที่เคยหมุนเวียนนับพันล้านบาท เหลืองเงินในบัญชี 8 พัน บาทนั้น คณะกรรมการบริหารในช่วงดังกล่าว เสนอแนวทางขายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่อ.คลองท่อม /โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารคนหนึ่ง แจ้งในที่ประชุมว่า หากไม่ขายโรงงานนี้ ธนาคาร จะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ชุมนุมสหกรณ์ที่กำลังย่ำแย่ ชุมนุมสหกรณ์จึงยอมจะขาย ภายใต้สัญญาไม่เป็นธรรม



เช่นตั้งราคาขาย 480 ล้าน แต่ต่อรองหลายครั้งจนจบลงที่ 320 ล้าน สัญญาระบุว่าจะจ่ายเงิน 15 งวดให้ผู้จะซื้อผิดนัดได้ 3 งวด และที่เสียหายหนักคือทันทีที่ เริ่ม สัญญาจะซื้อจะขาย ให้ถือว่าโรงงาน ที่อ.คลองท่อม เป็นของบริษัทเอกชน แม้ยังจ่ายเงินไม่ครบ จึงทำให้บริษัทเอกชนเข้าไปใช้ประโยชน์โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มสหกรณ์ทันที แม้จ่ายเงินไม่ครบ และต่อมาก็พบว่าผู้บริหารบริษัทเอกชนนั้น ก็คืออดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ นันเอง



อธิบดี ดีเอสไอบอกว่า นักการเมืองท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ธนาคาร ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานสนับสนุนให้เกิดการทุจริตยักยอกดว้ย



สำหรับการเข้าคนอีก 2 จุด ที่ตำบลทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เพื่อหาหลักฐานจากที่พบว่าผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์บางคน นำรถยนต์ส่วนตัว ไปแฝงในบริษัทอื่นเพื่อร่วมกิจการขนส่งของชุมนุมสหกรณ์ที่ตัวเองบริหารอยู่ ซึ่งเข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อน และมีรูปแบบการทุจริตเชิงนโยบายที่ต้องใช้การสืบสวนจากเอกสาร และเส้นทางการเงินมาเกี่ยวข้อง