สังคม

'สิงห์ เอสเตท' ขานรับนโยบายโลว์คาร์บอน เปิดโครงการสร้างพื้นที่สีเขียว ตั้งเป้า 1 ล้าน ตร.ม.

โดย panwilai_c

26 ส.ค. 2565

65 views

ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันกับองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินงานด้านการเปลี่ยนเเปลงทางสภาพอากาศ จนทำให้หลายภาคส่วนขานรับนโยบายการสร้างพื้นที่ Low carbon หรือ พื้นที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง หลังทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวน



โดยล่าสุดสิงห์ เอสเตท ได้ร่วมกับพันธมิตร เปิดตัวโครงการ "ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว" ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกรวน มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ตั้งเป้าปลูกป่าให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านตารางเมตร เพื่อรักษาความสมดุลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างจิตสำนึกกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนเมืองสู่สังคม low carbon



พื้นที่แปลงนี้ภายในสิงห์ปาร์คจังหวัดเชียงราย คือ พื้นที่นำร่องแห่งแรกของกิจกรรมปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ที่สิงเอสเตทร่วมกับพันธมิตร ขานรับนโยบายการลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ของไทยให้ได้ภายในปี 2065 สอดรับกับแผน SDG13 Climate Change ขององค์การสหประชาชาติหรือ ยูเอ็น



หลังผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยิ่งมีความรุนแรงมากขี้น และส่งผลโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งสิ่งสำคัญคือการลดการปล่อยก๊าซคาบอนไดออกไซ์ และ เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ทดแทน



จิตอาสาและชาวบ้านต่างร่วมมือกันนำกล้าของไม้ท้องถิ่น เช่น มะค่า พะยูง ตะเคียนทอง ประดู่ และแคนา กว่า 500 ต้น ลงปลูกในแปลงนี้ ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าไม้เหล่านี้ก็จะเติบโตตามไม้รุ่นพี่ เช่น ไม้รุ่นแรกที่ยืนต้นผลัดใบสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าบริเวณนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว



นางสาวศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์องค์กร และการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สิงเอสเตท ตั้งเป้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำภายในปี 2030 ซึ่งหนึ่งในดัชนีชี้วัดความยั่งยืน คือ ภารกิจสร้างพื้นที่สีเขียว ให้เท่ากับพื้นที่ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้าน ตร.ม.



นั่นเท่ากับว่าจะมีพื้นที่สีเขียวตามมาอย่างน้อย 1 ล้านตารางเมตรเช่นกัน โดยนำร่องในพื้นที่ป่าเชิงเขาและรอยต่ออย่างน้อย 625 ไร่ ของสิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย



โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เริ่มแล้วที่ป่าต้นน้ำ ในบริเวณไร่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย ก่อนขยายสู่ป่ากลางน้ำหรือป่าในเมือง ในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ป่าปลายน้ำ หรือป่าชายเลน ที่เกาะพีพี ภายใน ปี 2030 ที่จะมีการติดตาม ตรวจวัด และประเมินผล เช่น ตัวอย่างของพื้นที่สีเขียวกว่า 8,600 ไร่ของสิงห์ปาร์ค ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถกักเก็บปริมาณคาร์บอนไปได้แล้วกว่า 178 ล้านกิโลคาร์บอนหรือเทียบเท่า

คุณอาจสนใจ

Related News