ตร.แกะรอยวงจรปิดนับร้อยตัว จับแก๊งขโมยมอไซค์ฯ อาละวาดทุกคืนทั่วหัวมุมเมือง

ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ สืบสวน ภูธรภาค 2 ร่วมกับสืบสวนนครบาล ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีรถจักรยานยนต์หาย หลายคืนติดต่อกัน นับกว่า 30 คัน จึงตรวจกล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัว พบว่าผู้กระทำผิดเพิ่งพ้นโทษ ในคดีลักขโมยรถ และฆ่าเจ้าของรถเสียชีวิต

ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของสืบสวนนครบาลและสืบสวนภูธรภาค 2 สนธิกำลังชุด PCT 5 แกะรอยจากกล้องวงจรปิดกว่า 100 ตัวทั่วกรุงเทพฯ กระทั่งทราบเบาะแสว่า ชายร่างท้วม ผิวขาวเพราะไม่เคยออกมาตากแดดช่วงกลางวัน จะออกตระเวนขโมยจักรยานยนต์ทุกคืน ไปทั่วหัวมุมเมือง

ผู้ต้องหาที่ชื่อแก๊งตูมตาม ซึ่งเคยก่อเหตุยิงเจ้าของอพาทเม้นต์ และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์เสียชีวิตย่านรามอินทรา ขณะตื่นขึ้นพบเห็นรถจักรยานยนต์ถูกขโมยเมื่อปี 2553 ต้องโทษไป 10 ปี หลังจากได้รับการปล่อยตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ก็กลับมาก่อเหตุเช่นเดิม

กระทั่งกลางดึกสงัดของคืนที่ผ่านมา นายเอกลักษณ์ เชื้อกลางใหญ่ หรือกอล์ฟ อายุ 38ปี หัวหน้าแก๊งตูมตามได้ตระเวนลักรถจักรยานยนต์เช่นทุกคืน แต่คืนนี้มีเจ้าหน้าที่สะกดรอยตาม จากอพาทเมนต์ย่านสายไหม ขี่มา ที่ห้องเช่าย่านเอกมัย ช่วงตี 4 ขณะนำรถมาซ่อน

เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุม ได้คาหนังคาเขาพร้อมรถที่ขโมยมา และพบปืน.38 ที่พร้อมยิงหากเจ้าของรถตื่นมาพบเห็น และเมื่อตรวจค้นภายในห้องพัก พบอุปกรณ์ลักขโมยทุกชนิด และที่น่าตกใจจะมีอุปกรณ์ปลอมทะเบียนรถ PHOTOSHOP เท่าแผ่นป้ายทะเบียนจริง เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ให้ยากต่อการติดตาม

โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล กล่าวว่า เมื่อคนร้ายสบโอกาส จะก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัว ยิ่งเคยต้องโทษคดีฆ่าคนตายมาแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 สอบสวนนายเอกลักษณ์ หัวหน้าแก๊งตูมตามด้วยตัวเองถึงสาเหตุที่ต้องพกปืนก่อเหตุ หลังจากนั้นได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถที่ขโมยมา พบเตรียมเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนไว้แล้ว

ทั้งนี้ เมื่อไม่มีต้นทุน รถแต่ละคันถูกขายไป 10,000-20,000 บาทต่อคัน ตั้งแต่พ้นโทษมาตั้งแต่ต้นปี ก็ขโมยทุกคืน และอ้างว่ากระทำความผิดคนเดียว โดยไม่ยอมบอกผู้ร่วมขบวนการ แต่ขโมยมาแล้ว 38 อพาทเม้นต์