สังคม
กู้ภัยฯ เปิดใจเหตุวิวาทแย่งคนเจ็บ ยอมรับได้ค่าตอบแทนจาก รพ.เอกชน เป็นรายหัว
โดย pattraporn_a
20 เม.ย. 2565
247 views
จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของ อาสาสมัครกู้ภัย 2 แห่ง จนนำไปสู่การยิงกันเสียชีวิต โดยหัวหน้ามูลนิธิปอเต็กตึ้งออกมาระบุว่า มีเรื่องผลประโยชน์ค่าตอบแทนจากการส่งเคสอุบัติเหตุไปยังโรงพยาบาลเอกชน ที่จ่ายเงินนอกระบบ ขณะที่อาสาสมัครกู้ภัยยอมรับว่าได้รับค่าตอบแทนจริง ทำให้มีหลายคนอาศัยเป็นช่องทางเข้ามาหากิน จนเกิดเรื่องแย่งพื้นที่กันบ่อยครั้ง
ทีมข่าว 3 มิติได้สอบถาม อาสาสมัครกู้ภัยของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ยอมรับว่า ได้รับค่าตอบแทนจากโรงพยาบาลเอกชนจริง ได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาการของผู้ประสบอุบัติเหตุ โรงพยาบาลก็จะจดรายละเอียดไว้ เพราะภายใน 1 วันอาจจะมีหลายเคส
โดยเฉพาะย่านทองหล่อ และคลองเตย ซึ่งมีการแจ้งเหตุเท็จ จนอาสาสมัครของ 2 มูลนิธิ ทะเลาะวิวาทกัน มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หากแผลถลอกจะได้ 1,000 บาท หากแอดมิดจะได้มากกว่า 2,000 บาท ต่อเคส และโรงพยาบาลเอกชนก็แข่งกันเอง โดยบางแห่ง หากแอดมิดจะได้ 2,500 บาท
อาสาสมัครกู้ภัย ยังสะท้อนว่า อยากให้โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งยกเลิกจ่ายค่าเคส และเปลี่ยนจากตอบแทนเป็นอุปกรณ์หรือเครืองมือปฐมพยาบาล จะดีกว่า จะได้แยกแยะได้ระหว่างอาสาสมัครกับแอบแฝง
ขณะที่สถาบัน การแพทย์ฉูกเฉินแห่งชาติหรือ สพฉ. ระบุว่า รพ.จะแบ่งตามอาการของผู้ป่วย ในกรณีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ รพ.จะได้รับเงิน ตามกม.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ 3-5 หมื่นบาท
ส่วนเงินจากสิทธิประกันสังคมหรือบัตรทอง หรือประกันส่วนบุคคล หรือถ้าไม่มีประกันผู้ป่วยต้องจ่ายเอง ซึ่ง รพ.จะเบิกได้ตามสิทธิภาวะฉุกเฉินวิกฤตรักษาทุกที่ หรือ UCEP
โดยมูลนิธิทุกแห่งได้ออกกฎห้ามรับเงินจากโรงพยาบาล และส่งผู้ป่วยตามสิทธิการรักษาเท่านั้น เพราะการทำงานของหน่วยกู้ภัยจะเป็นจิตอาสา แต่การจ่ายเงินนอกระบบของโรงพยาบาลเอกชน ทำให้เกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทของอาสาสมัครกู้ภัยหลายครั้งมาแล้ว
อีกทั้งการเป็นอาสาสมัครกู้ภัย มีบัตรอาสาสมัครจากต้นสังกัด มีวิทยุสื่อสาร และทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทำให้หลายคนก็ต้องการมาเป็นอาสาสมัคร แต่เมื่อไม่เคารพกฎระเบียบจึงเกิดปัญหา
ขณะที่ มูลนิธิสยามรวมใจ ที่ถูกจับทั้ง 9 คน โดยพบว่านายจิรวัฒน์ หรือเบียร์ หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นผู้ออกบัตรสมาชิกอาสากู้ภัยให้กับผู้ต้องหารายอื่น และเมื่้อเย็นที่ผานมา ทั้ง 9 คน ได้รับการประกันตัว เป็นเงินสดคนละ 3 หมื่นบาท และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยกล่าวว่า พวกตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ