EEC พร้อมรับนักลงทุนต่างชาติ เชื่อไทยเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว" ได้ใน 8 ปี

คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC เปิดเขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเตรียมรับนักลงทุนจากทั้งไทยและต่างชาติ โดยพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็นเมืองนวัตกรรม ที่มีอาคารและโรงงานต้นแบบ สู่การต่อยอดอุตสาหกรรมไทยในยุค 4.0 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 5% ต่อปี และหากดำเนินงานได้ต่อเนื่องก็อาจทำให้ไทยเข้าสู่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วได้ภายใน 8 ปี จากนี้

พื้นที่กว่า 3,454 ไร่ ในวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง ถูกจัดสรรใหม่เป็นสัดส่วน พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ ให้เกิดอุตสาหกรรม 4.0 ขึ้นในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

โรงเรือนสมาร์ท กรีนเฮ้าส์ แห่งนี้ เป็นหนึ่งในโซนนวัตกรรมการเกษตร 4.0 ใช้เทคโนโลยีควบคุมปัจจัยการเจริญเติบโตของพืช เช่น สภาพความชื้น อุณหภูมิ และแสง เน้นการทดสอบพืชเศรษฐกิจ ให้ผู้ที่สนใจนำพืชมาทดลองเลี้ยงในสภาพที่เหมาะสม เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด

พื้นที่ภายใน EECI จะแบ่งเป็นโครงการของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 3 โครงการ คือ โครงการก่อสร้าง อีอีซีไอ ที่ เป็นพื้นที่สำหรับการทำวิจัยขยายผล เช่น โรงงานต้นแบบ พื้นที่ทดสอบนวัตกรรม โครงการ BIOPOLIS หรือ ศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมฐานชีวภาพ และ โครงการ ARIPOLIS หรือ ศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ

โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และการยกระดับภาคการผลิตในพื้นที่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งเลขาธิการ อีอีซี เชื่อว่า จะเกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC ปีละกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ GDP ของประเทศสูงขึ้น หลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้ภายใน 7-8 ปี

เบื้องต้นโครงการภายในพื้นที่ EECi จะทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ เดือนมิถุนายนปี 2565 ไปจนถึงปี 2573 ซึ่งระหว่างนั้นก็จะเริ่มดำเนินงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ ในส่วนที่เสร็จสิ้นควบคู่กันไป ตามแผนที่ EEC กำหนดไว้