สังคม

ประกันสังคม เตรียมลดเงินสมทบ 3 เดือน ช่วยเงินหมุนเวียน 3 หมื่นล้านบาท

โดย pattraporn_a

27 มี.ค. 2565

110 views

คณะกรรมการสำนักงานประกันสังคม เตรียมพิจารณามาตรการลดเงินสมทบประกันสังคม 31 มีนาคมนี้ เพื่อเสนอ ครม.ต้นเดือนหน้า ยืนยันจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 3 หมื่นล้านบาท และไม่กระทบเสถียรภาพกองทุน


หลังจากคณะรัฐมนตรี ออก 10 มาตรการล่าสุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤติโควิด และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และข้อกฎหมาย ล่าสุด คณะกรรมการสำนักงานประกันสังคม จะประชุมวันที่ 31 นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดการลดเงินสมทบประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือน ขณะรองปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่ามาตรการดังกล่าวช่วยทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง โดยจะมีเงินหมุนเวียนในระบบราว 3 หมื่นล้านบาท โดยไม่กระทบเสถียรภาพของกองทุนฯ


หนึ่งในสิบมาตรการล่าสุดที่รัฐบาล ออกนโยบายเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากโควิด19 และผลกระทบต่อเนื่อง จากปัญหาขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน คือมาตรการลดอัตราเงินสมทบประกันสังคม เป็นเวลา 3 เดือน นับจากพฤษภาคม ถึงกรกฎาคม ซึ่งจะช่วยทั้งนายจ้าง และผู้ประกันตน ให้มีเงินสดหมุนเวียนในช่วงดังกล่าว


รายละเอียดตามแนวทางดังกล่าวอยู่ในข้อ 9 และ 10 ซึ่งข้อกล่าว ระบุว่า ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและลูกจ้าง ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จากเดิม ร้อยละ 5 เหลือ ร้อยละ 1 และในข้อ 10 ระบุว่า ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จากร้อยละ 9 เหลือ ร้อยละ 1.9 และลดเงินอัตราสมทบของผู้ประกัน มาตร 40 ลงเหลือ 42 บาทถึง 180 บาท


กรณีลูกจ้างและผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ที่ลดอัตราเงินสมทบทั้งจากนายจ้างและลูกจ้างเหลือร้อยละ 1 เป็นเวลา 3 เดือนนั้น เทียบให้เห็นได้จากเดือนมีนาคมนี้ และเดือนเมษายนที่ ยังไม่ประกาศใช้ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง จะสมทบเงินเข้ากองทุนร้อยละ 5 และคิดจากฐานเงินเดือนต่อให้มากกว่า1 หมื่น 5 พันบาท ก็จะคิดตามฐานเท่ากับ 1 หมื่น 5 พันบาท จึงเท่ากับจ่ายเงินสมทบร้อยละ 5 สูงสุด คือ 750 บาท ต่อเดือน


แต่หากมาตรการดังกล่าวประกาศใช้ 3 เดือน ระหว่างพฤษภาคม ถึง กรกฎาคม ที่เงินสมทบจะลดลงเหลือร้อยละ 1 เท่ากับ เงินสมทบสูงสุดจะอยู่ที่ฝ่ายละ 150 บาท เป็นเวลา 3 เดือน แต่หลังจากนั้นจะกลับมาเก็บเงินสมทบตามอัตราปกติคือร้อยละ 5 หรือจนกว่าจะมีนโยบายใหม่จากรัฐบาล


นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่ามาตรการลดเงินสมทบดังกล่าว จะช่วยให้ทั้งนายจ้ายและลูกจ้างมีเงินสดหมุนเวียนในครอบครัวและกิจการ คิดรวมเป็นเงินในระบบเศรษฐกิจราว 3 หมื่นล้านบาท การปรับลดเงินกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพ เพราะคำนวณจากฐานค่าจ้าง ไม่ใช่คำนวณจากเงินสมทบที่เข้ากองทุน


แต่ระบุว่าจะกระทบต่อเงินบำเหน็จของผู้ประกันตัน ที่คำนวณจากเงินสมทบกรณีชราภาพ ที่ทั้งลูกจ้างและนายจ้างต้องสมทบเข้ากองทุน เมื่อทั้งสองฝ่ายลดเงินสมทบ ผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์รับบำเหน็จชราภาพ ก็จะได้รับเงินบำเหน็จลดลง


อย่างไรก็ตามมาตรการล่าสุด สำนักงานประกันสังคมได้รับคำสั่งให้ นำเงินสมทบส่วนของรัฐบาล ที่อุดหนุนเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ เข้าไปในกองทุน เพื่อเพิ่มเงินบำเหน็จให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ในช่วงลดเงินดังกล่าว เท่ากับว่าสิทธิ์ประโยชน์เงินบำเหน็จ จะไม่ลดลงแต่อย่างใด


รองปลัดกระทรวงแรงงานยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่กระทบต่อเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม และวันที่ 31 มีนาคมนี้ คณะกรรมการประกันสังคม จะประชุมเพื่อสรุปมาตรการ จากนั้นจะนำเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี ในต้นเดือเมษายน หาก ครม.เห็นชอบ ก็จะประกาศเป็นกฎกระทรวงเพื่อประกาศใช้และมีผลระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง กรกฎาคม รวม 3 เดือน

คุณอาจสนใจ