ชาวบุรีรัมย์ ร่วมบวงสรวงรับ "ทับหลังพระบรมทรงกระบือ" วอนนำกลับคืนปราสาทหนองหงส์

การได้ทับหลังทั้ง 2 รายการ กลับคืนสู่ประเทศไทยครั้งนี้ นับเป็นข่าวดีที่คนไทย โดยเฉพาะชาวบุรีรัมย์และสระแก้ว ต่างปลาบปลื้มดีใจ ที่ปราสาทหนองหงส์ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์

วันนี้ (30 พ.ค.) ทั้งผู้นำและชาวบ้าน ได้ร่วมกันทำพิธีกรรมบวงสรวงเพื่อรับขวัญ ต้อนรับการกลับมาของทับหลังรูปพระยมทรงกระบือ และหวังว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรม จะอนุญาตให้นำทับหลังชิ้นนี้ กลับมาประดิษฐานที่องค์ปราสาทหนองหงส์ เฉกเช่น ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ปราสาทเขาพนมรุ้ง และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ที่คาดว่าน่าจะถูกโจรกรรมออกไปพร้อมๆ เมื่อกว่า 50 ปีก่อน

พิธีกรรมบวงสรวง และการรำถวาย เป็นประเพณีของชาว อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ร่วมกันจัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ปีนี้จึงทำภายใต้มาตรการ คัดกรอง และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมอย่างเคร่งครัด รับขวัญการกลับมาของทับหลังพระยมทรงกระบือ ในโอกาสที่รัฐบาลไทย ติดตามทวงคืนจากพิพิธภัณฑ์ของเอกชนในสหรัฐฯ

ปราสาทหนองหงส์ ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร ให้มีสภาพใกล้เคียงกับของเดิมที่ว่ากันว่ามีอายุนับพันปีและผุพังตามกาลเวลา

ปราสาทหนองหงส์ ประกอบด้วย ปรางค์สถูป 3 องค์ ตั้งเด่นเป็นสง่า ข้อมูลนักสำรวจและนักโบราณคดี มีหลักฐานยืนยันว่า ทับหลังรูปพระยมทรงกระบือ เดิมเคยอยู่ที่องค์ปราสาทหลังนี้ คาดว่าถูกโจรกรรมออกไปในช่วงต้นปี 2500

สำหรับชาวโนนดินแดง พวกเขาบอกว่า ทับหลังชิ้นนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน หลายคนเฝ้าติดตามข่าวตั้งแต่รู้เบาะแส ถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์เอกชน การกลับสู่มาตุภูมินับเป็นข่าวดี และขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ร่วมใจกันติดตามทวงคืนกลับมาได้

พวกเขาหวังว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม จะอนุญาตให้นำทับหลังพระยมทรงกระบือ กลับมาที่ปราสาทหนองหงส์ โบราณวัตถุที่แสดงถึงอัตลักษณ์คนท้องถิ่น ให้ลูกหลายคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้

นายกเทศมนตรี ต.โนนดินแดง บอกว่า การที่ทับหลังได้กลับสู่องค์ปราสาทนับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และเชื่อว่า ความหวงแหนจะไม่ได้เกิดเฉพาะคนสูงอายุ หากแต่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ก็เริ่มสนใจและพร้อมจะช่วยกันปกป้องดูแล ให้อยู่คู่ปราสาทหนองหงส์ตลอดไป