สังคม

ซ้อนแผนจับ ผอ.ทสจ.มุกดาหาร พร้อมพวก เรียกรับส่วยไม้พะยูง

โดย weerawit_c

26 มี.ค. 2564

39 views

พลตำรวจตรีปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมแถลงจับกุมนายสุรเดช อัคราช อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือทสจ.จังหวัดมุกดาหาร และนางสาวกชพรรณ แสงวิรุณ หรือ นางสาวทิพย์เกษร แสงวิรุณทร หลังร่วมกันเรียกรับเงิน 2 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกการคืนของกลางไม้พะยูง ที่ถูกอายัดไว้ดำเนินตั้งแต่ปี 2549 ได้


ซึ่งปัจจุบันไม้พะยูงทั้งหมดจำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่า กว่า 600 ล้านบาทอยู่ที่ศุลกากรในกรุงเทพฯ และล่าสุดศาล สั่งให้คืนไม้ของกลางให้กับผู้เป็นเจ้าของ ที่มีหลักฐานยืนยัน ว่าเป็นไม้พะยูงมาจากประเทศลาว แต่ขนส่งผ่านทางประเทศไทย ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ แต่มาถูกตรวจยึดจับกุม โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่ง ที่ย่านลาดกระบัง


จนเมื่อไม่นานมานี้ ปรากฎว่า มีผู้แอบอ้างว่า สามารถทำเรื่องขอให้มีการส่งคืนไม้พะยูงให้กับผู้เป็นเจ้าของตามคำสั่งศาลได้ จึงเสนอค่าตอบแทน เป็นเงิน 2 ล้านบาท ทางตัวแทนบริษัทที่เป็นเจ้าของไม้ จึงประสานกับตำรวจ วางแผนซ้อนแผน โดยนำธนบัตร จำนวน 2 ล้านบาททำเครื่องหมายกำกับไว้เป็นหลักฐาน นัดส่งมอบ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้สำนักงานทสจ.มุกดาหาร ก่อนจับกุม นายสุรเดช และเจ้าหน้าที่อีก 2 คน พร้อมของกลาง


ทีมข่าวเคยติดตามตรวจสอบ ไม้ชุดนี้เมื่อหลายปีก่อน หลังมีผู้ร้องเรียนว่า มีบุคคลหลายกลุ่มแอบอ้างเป็นเจ้าของไม้และ มีเจ้าหน้าที่บางคนรู้เห็นกับขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติ ทางเรือที่แหลมฉบัง โดยสำแดงเท็จทางศุลกากร


สำเนาบันทึกการจับกุมไม้พะยูงล็อตนี้ ระบุวันจับกุมคือ 1 กันยายน ปี 2549 ในบันทึกบรรยายพฤติการณ์ต้องสงสัยการขนไม้ดังกล่าวออกจากจังหวัดทางภาคอีสานผ่านไปถึงลาดกระบัง ก่อนตามมาจับกุม และกล่าวหาว่า ไม้พะยูงทั้งหมด อาจถูกรวบรวมมาจากหลายพื้นที่ทั้งสุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ โดยขบวนการตัดไม้ออกจากป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ ในท้ายบันทึก ลงนามผู้ร่วมจับกุม 5 นาย เป็นตำรวจปทส.1นาย รวมทั้งมีชื่อ นายสุรเดช อัครา หัวหน้ากลุ่มปฎิบัติการ จังหวัดมุกดาหาร เป็นผู้จับกุมในครั้งนั้นด้วย


ล่าสุดเบื้องต้นนายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้บอกว่า กรมป่าไม้ได้เน้นย้ำไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องการทุจริตต่อหน้าที่ แต่เมื่อถูกจับกุมก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน และให้มีคำสั่งย้ายออกจากตำแหน่ง เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงหากผิดจริงก็จะดำเนินคดีอาญาด้วย และมีสิทธิ์ต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ได้ตามกฎหมาย ขณะที่นายสุรเดช ให้การปฎิเสธ แต่นางสาวกชพรรณ ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา

คุณอาจสนใจ