กรณีผู้หญิงสูงอายุ 5 คน ถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ กรณีมีนายทุนหญิงคนหนึ่งหลอกขอขุดดินบนที่ดิน สปก.และที่ นส.3 โดยที่หญิงคนดังกล่าว ไม่ถูกดำเนินคดีและถูกอ้างถึงในสำนวนฐานะพยาน

ล่าสุด ได้รับการยืนยันว่าพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางสำเภา อุดม ที่ถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ จากการอนุญาตให้ผู้อื่นขุดบ่อดิน บนที่ดิน นส.3 ที่ได้สิทธิ์ทำกิน  ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการ ส่งความเห็นดังกล่าวพร้อมเสนอธิบดีอัยการภาค 4 สั่งฟ้องนายทุนหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มาขุดดินแปลงนี้แทน

หากอธิบดีอัยการภาค 4 มีความเห็นสั่งฟ้อง ก็จะมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกนางเนย มารับทราบข้อกล่าวหา แต่หากไม่มาก็จะมีหมายจับ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ตำรวจภูธรภาค 4 มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเห็นพ้อง หรือเห็นแย้งคำสั่งอธิบดีอัยการภาค 4 และหากเห็นแย้ง ก็ต้องสำนวนนี้ให้อัยการสูงสุดพิจารณา


คดีนี้ที่ไม่เหมือนจะไม่ซับซ้อน แต่กลับมีประเด็นขึ้นมา เพราะนายทุนหญิงคนนี้ เป็นคนสนิทกับอดีตผู้รองผู้บัญชาการภาค 4 ที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และถมที่ ในจังหวัดขอนแก่น และใกล้เคียง ซี่งกรณีนี้ ได้งานรับเหมาถมดินให้กิจการขนส่งขนส่งเอกชน ที่อำเภอบานแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งมูลค่าจ้างถมดินหลายสิบล้านบาท แต่เป็นที่ทราบดีว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในย่านนี เป็น สปก. จึงตระเวนหาซื้อดินหลายแห่ง จนพบที่ดิน นส3 ที่นางสำเภา ทำกิน และตกลงปรับหน้าดินโดยกำหนดระยะลึกไว้แล้ว แต่กลุ่มนายทุนกับขุดลึกรอบบ่อเพื่อนำไปขาย

นายดุสิต แจ้งความเอาผิดนางเนย ที่เป็นนายทุน โดยมีนางสำเภา เป็นพยาน แต่กลายเป็นว่านางสำเภา เป็นผู้ตองหา ส่วนคนขุด กลับเป็นพยาน กระทั่งล่าสุดที่พนักงานอัยการจังหวัดมีความเห็นสั่งไม่ฟองนางสำเภาดังกล่าว

เป็นที่น่าสังเกตุว่า ชาวบานให้การตรงกันทุกรายว่าหญิงที่ใกลชิดอดีตรองผู้บัญชาการภาค 4 เป็นผู้มาเจรจาขุดดิน 4 แปลง และเชื่อว่ามีแปลงอื่นด้วย จนมีผู้รองเรียนผลกระทบเรื่องฝุ่น แต่มีที่ดิน สปก.เพยีง 4 แปลงที่ถูกร้องให้ สปก.ตรวจสอบ ทัง้ที่ หากเทียบจำนวนดินที่ขนย้ายไปถม น่าเชื่อว่าจะมีที่ดิน สปก.อีกหลายแปลงถูกขุดออกไป แต่ไม่แน่ชัดว่าผู้ครอบครองรู้เห็นหรือไม่ และไม่ปรากฎว่าที่ดินเหล่านั้น ถูก สปก.แจ้งความดำเนินคดีหรือไม่

ตอนนี้จึงมีเพียง 4 แปลง ที่ถูก สปก.แจ้ง และแจงเอาผิดชาวบ้านเท่านั้น ส่วนนางเนย ที่เป็นคนมาเจรจาและนำพารถแบ็คโฮมาขุด โดยได้ดินออกไปจำนวนมาก จนถูกชาวบานร้องเรียนนั้น กลับกลายเป็นเพียงพยานในคดีเท่านั้น


นี่จึงเปนตนเหตุให้พนักงานอัยการสั่งพนักงานสอบสวน สอบเพิ่มให้ละเอียดในคดีดังกล่าว แต่อย่างไร ก็ยังมีข้อสงสัยอีกว่า นอกจาก 4 แปลงนี้แล้ว ยังมีที่ดิน สปก.อีกกี่แปลง ที่ถูกลักลอบหรือ หรือถุกแอบอ้างว่ามีการยินยอมใหขุด โดยที่ยังไม่ถูกสำรวจ หรือดำเนินคดี


กรณีนี้จึงไม่ใช่เรื่องธุรกิจถมดิน และขุดดิน สปก.เท่านั้น แต่มีประเด็นความตรงไปตรงมาของการกระบวนการยุติธรรม ที่หากมีโปร่งใส่ ก็อาจจะมีเพยีงชาวบ้านเท่านันที่ถูกดำเนินคดี