เป็นที่ทราบกันว่า เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ เป็นกลุ่มอายุเดียวที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้ และจากตัวเลขที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) พบว่า ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เชื้อ "โอมิครอน" แพร่ระบาด พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่ติดโควิดและเข้าโรงพยาบาลมีมากที่สุด นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาด ภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความร้อนใจให้กับบรรดาผู้ปกครองที่จะต้องหาทางป้องกันอย่างไร ให้ลูกๆที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ ปลอดภัยจากโควิด-19



ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ (Rochelle Walensky) ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า แนวโน้มที่น่าเป็นห่วงในเด็กที่อายุน้อยเกินกว่าจะรับการฉีดวัคซีนได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่เด็กโตและผู้ใหญ่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันคนรอบข้าง ซึ่งจะเห็นได้จากข้อมูลของรัฐบาลที่ออกมาเมื่อวานนี้



ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ที่ "โอมิครอน" แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ เด็กเล็กที่ติดเชื้อและต้องเข้าโรงพยาบาลในสหรัฐฯมีเพิ่มขึ้น โดยถ้าคิดเป็นอัตราเฉลี่ยพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบที่ติดโควิด และต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ที่ 4 ต่อ 1 แสนคน จากเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่ 2.5 ต่อ 1 แสนคน



ขณะที่เด็กที่อายุ 5 ถึง 17 ปีที่ป่วยโควิด และเข้าโรงพยาบาลอยู่ที่ 1 ต่อ 1 แสนคน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้สามารถฉีดวัคซีนได้



ข้อมูลนี้เก็บรวบรวมจากโรงพยาบาลกว่า 250 แห่งใน 14 รัฐ



อย่างไรก็ตาม ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี้ (Rochelle Walensky) บอกว่า ยังไม่พบสัญญานของอาการป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ "โอมิครอน" ในเด็กเล็กทีอายุต่ำกว่า 5 ปี แม้ว่า จำนวนเด็กเล็กทีป่วยเพราะโควิด ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นก็ตาม



ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.แอนโทนี่ เฟาชี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กล่าวว่า เด็กจำนวนมากที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด มีภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนจากไวรัสมากขึ้น ซึ่งรวมถึงโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคปอด ซึ่งเฟาซี่และวาเลนสกี้ต่างก็เน้นย้ำตรงกันว่า วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการปกป้องเด็กที่อายุน้อยที่สุดคือ การที่ทุกคนที่อยู่รอบข้างพวกเขาควรฉีดวัคซีน