ครบรอบ 18 ปี เหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็ง จุดเริ่มต้นความรุนแรงชายแดนใต้

สังคม

ครบรอบ 18 ปี เหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็ง จุดเริ่มต้นความรุนแรงชายแดนใต้

4 ม.ค. 2565

65 views

วันนี้ ครบรอบ 18 ปี เหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2547 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไปแล้ว กว่า 2 หมื่นคน นักวิชาการและภาคประชาสังคม ย้ำยังต้องเชื่อมั่นกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ


ทุกวันที่ 4 มกราคมของทุกปี นับตั้งแต่เหตุปล้นปืนค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2547 จนวันนี้ครบ 18 ปีเหตุเริ่มต้นความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบ และเหตุระเบิดต่างๆ สร้างความสูญเสียในชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมแล้ว จาก 21,328 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 7,314 คน บาดเจ็บ 13,584 คน รวม 20,898 คน และเริ่มลดลงหลังปี 2556 ที่เริ่มมีกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร


จนมาถึงรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 สมัย ก็มีการตั้งคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนใต้ แต่เปลี่ยนจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ในช่วงแรก มาเป็นกลุ่มมาราปาตานี และกลับมาเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นปาร์ตี้หลักในการพูดคุย ซึ่งการรวบรวมข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ก็พบว่าการพูดคุยส่งผลให้เหตุความไม่สงบลดลงอย่างเป็นระบบ แต่กลับมาสูงขึ้นในปี 2564 แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งผลการสำรวจพีชเซอร์เวย์ของเครือข่ายวิชาการ ก็พบว่า ประชาชนกว่า 60.8 เปอร์เซ็นต์ ยังรู้สึกว่าสถานการณ์เหมือนเดิมและแย่ลง


โดย ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี สถาบันสันติศึกษา ม.สงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า 18 ปีที่ผ่านมารัฐทุ่มงบประมาณในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้จำนวนมหาศาล กว่า 4 แสน 8 หมื่นล้านบาท โดยงบประมาณตั้งแต่ปี 2560 แต่ละปีสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท แม้จะมีแนวโน้มลดลง แต่ต้องตั้งคำถามไปถึงประสิทธิภาพที่ได้รับด้วย โดยเฉพาะการสร้างสันติภาพที่เน้นทุ่มกำลังการควบคุมด้วยการทหาร การบังคับใช้กฏหมายพิเศษมากกว่าการสร้างความยุติธรรม ไม่เน้นการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ต้องหวังพึ่งกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ แม้จะเดินไปได้ช้าก็ตาม


ด้าน นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ ประธานสมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ ย้ำว่า 18 ปีที่ผ่านมา รัฐไทยมีความพยายามในการเจรจากับขบวการต่อสู้เพื่อปาตานีหลายกลุ่ม มากถึง 25 ครั้ง จนล่าสุดมาถึงขบวการบีอาร์เอ็น ที่ถือเป็นกำลังหลักในพื้นที่ ก็ยังเป็นความพยายามที่ต้องเดินหน้าต่อไป แม้จะมองว่าล่าช้า เพราะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาทางการเมืองที่ต้องแก้ด้วยการพูดคุยทางการเมือง ขณะที่ นายฮารา ชินทาโร่ นักวิชาการอิสระ ก็เห็นตรงกัน และเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขบวนการบีอาร์เอ็น สื่อสารชัดที่ใช้เวทีพูดคุยในการหาทางออกแม้จะถูกมองว่าลดระดับการเรียกร้องเอกราช แต่การเจรจาคือวิธีการที่ดีกว่าการใช้อาวุธ และ 8 ปีที่ผ่านมาจะยังอยู่ในการเริ่มต้นก็ตาม


หากมองในพัฒนาการสร้างความเข้าใจในพื้นที่ 18 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดภาคประชาสังคมมาทำงานคู่ขนานกับรัฐจำนวนมาก รวมถึงเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ก็เข้ามามีส่วนในการเป็นหุ้นส่วนของปัญหาที่ต้องทำให้เกิดสันติสุขภายในพื้นที่ และเป็นสิ่งที่รัฐ รวมถึงฝ่ายขบวนการต้องคำนึงถึงด้วย


ทั้งนักวิชาการและภาคประชาสังคม ยังคาดหวังกระบวนการพูดคุยรอบใหม่ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่างคุณพูดคุยเพื่อสันติสุขที่มีพลเอกวัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทยกับขบวนการบีอาร์เอ็น ในวันที่ 11 มกราคมนี้ จะเป็นอีกก้าวย่างแห่งความหวังต่อกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้ 







คุณอาจสนใจ

Related News