‘อำนวย นิ่มมะโน’ ซัดสารวัตรลาออกใส่ร้ายวงการสีกากี โฆษก ตร.วอนอย่าท้อแท้ อกหักจากโผโยกย้าย

สังคม

‘อำนวย นิ่มมะโน’ ซัดสารวัตรลาออกใส่ร้ายวงการสีกากี โฆษก ตร.วอนอย่าท้อแท้ อกหักจากโผโยกย้าย

11 ธ.ค. 2564

412 views

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564  พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 โพสต์เฟซบุ๊กกรณี “วงการสีกากีฉาว พ.ต.ท. เขียนหนังสือลาออก ซัดแสกหน้าบอกนี่มันอาชีพส้น”…”อะไร” เป็นพาดหัวข่าวปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ในหลายเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564

ก่อนอื่นถ้ามีคำพูดดังกล่าวจริงซึ่งกระผมรู้สึกกระดากปากไม่อยากจะพูดซ้ำว่าเป็นคำพูดอะไร? แต่ต้องบอกให้ผู้พูดรีบถอนคำพูด คำว่า “อาชีพส้นตีนอะไร” ถ้ามีการพูด คำพูดดังกล่าวจริง กรมพลตระเวน กรมตำรวจ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานราชการที่มีประวัติมายาวนาน จากการสืบค้นและมีหลักฐานปรากฏในหลักศิลาจารึกว่ามีตำรวจ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.1991 ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา ตำรวจได้รับการปฏิรูปครั้งสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2404 -2405

ในสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ท่าน จึงได้รับการถวายพระนามให้เป็น”พระบิดาแห่งตำรวจไทย” ตำรวจมีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน โดยมีหน้าที่หลักในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ลักษณะงานที่สำคัญคือ สืบสวน สอบสวน ป้องกัน/ปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความยุติธรรมในทางอาญา

ซึ่งนับว่าเป็นอาชีพราชการที่มีบทบาท หน้าที่และอำนาจที่สำคัญ ในอันที่จะยังประโยชน์สุข สร้างความสงบเรียบร้อย ผดุงความยุติธรรมเบื้องต้นให้กับสังคมจนมีการเปรียบเทียบ “ตำรวจเสมือนเป็นต้นธารแห่งความยุติธรรม” จึงเป็นอาชีพ ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ที่ใครต่อใครหลายคน อยากที่จะมารับราชการตำรวจ รวมทั้งตัวคุณเองด้วย

และนั่นก็คือเหตุผลที่กระผมขอบอกให้คุณรีบถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสมนั้นเสีย คุณอย่าเอาความผิดหวัง ความรู้สึกส่วนตัวมากล่าวหา มาให้ร้ายองค์กรที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี กับการที่ผิดหวังจากคำสั่งแต่งตั้งที่ตัวคุณคิดเอาเองว่า คุณเหมาะสม คุณเก่ง คุณดี คุณซื่อสัตย์สุจริต คุณควรจะได้รับการแต่งตั้ง แล้วมาด่าทอ ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย สาดใส่องค์กรที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี

คุณเองก็อยู่มาจนเป็นพันตำรวจโท จะมีตำแหน่งใด? อยู่ที่ไหน? ผมไม่ทราบ เพราะในข่าวไม่ลงรายละเอียด กระผมเองเป็นรองผู้บัญชาการอยู่นานถึง 7 ปีเศษ ถูกย้ายจากรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปเป็นรองผู้บัญชาการศึกษา โดยไม่มีเหตุผลเป็นเวลา 4 ปี จนเหลือปีสุดท้ายจึงได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพราะด้วยความอาวุโส ไม่ใช่ปีเดียว 1 ตำแหน่ง แต่กระผมก็ไม่เคยออกมาโวยวาย ไม่เคยกล่าวให้ร้ายองค์กรอันมีเกียรติและศักดิ์ศรีองค์กรนี้ เพราะสมัครใจเข้ามาเป็น เลือกและเต็มใจเข้ามาอยู่ ถ้าส่วนไหนไม่ดีก็ต้องแก้ไข ซ่อมสร้าง ไม่ใช่ทำลาย ในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชตำรวจ

ในฐานะที่กระผมเป็นหนึ่งในกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่….พ.ศ…. ซึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ในวาระที่ 2 และใกล้จะแล้วเสร็จเพื่อเข้าสู่การพิจารณาร่วมของสภาอันเป็นขั้นตอนสุดท้าย การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จะต้องเป็นระบบคุณธรรม โดยยึดหลักอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน ให้ข้าราชการตำรวจมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซงของบุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ที่พูดมาข้างต้นเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

สำหรับรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ กระผมตั้งใจจะเขียนรายละเอียดเป็นตอนๆ ก่อนที่เรื่องนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อทำความเข้าใจให้กับทั้งข้าราชการตำรวจและประชาชนผู้สนใจ แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อน จึงขอเกริ่นนำโดยย่อ (เรียกน้ำย่อย) ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ พยายามที่จะไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ให้ได้มากที่สุด เรียกว่าต้องเว้นระยะห่างทางสังคม( Social Distance ) กันพอสมควร ไม่ให้ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. มีอำนาจบทบาทเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่จะกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎ กติกาการแต่งตั้งได้ตามอำเภอใจ(เพื่อสนองความต้องการของใคร? ต่อใคร? ได้ต่อไปอีก)

เพราะจะมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือเรียกย่อว่า ก.พ.ค.ตร. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระมาจากการสรรหาจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยงานอื่น มีหน้าที่ในการตรวจสอบ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กติกาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ ก.ตร. กำหนด ว่ามีความถูกต้องเหมาะสมเป็นธรรมหรือไม่ ? และมีหน้าที่รับคำร้องเรียน กรณีที่มีการออกระเบียบ กฎเกณฑ์ กติกาการแต่งตั้งมาใช้แล้วมีข้าราชการตำรวจเห็นว่าไม่มีความถูกต้อง เหมาะสม เป็นธรรม และมีหน้าที่ในการตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าการตำรวจว่าเป็นไปตามระเบียบ กฎเกณฑ์กติกาการแต่งตั้งอย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่

ซึ่งถ้าหากเป็นการแต่งตั้งมีเจตนาไม่สุจริต ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีบทบัญญัติให้ผู้แต่งตั้งและผู้มีส่วนในการแต่งตั้งมีความผิดในทางอาญา ถึงกับต้องโทษจำคุกเสียด้วยซ้ำ จึงอยากจะให้ข้าราชการตำรวจและสังคมคอยติดตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้อย่างไม่กระพริบตา ก็จะรู้ว่าการปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีความจริงจังและจริงใจที่จะให้มีการปฏิรูปองค์กรตำรวจจริงหรือไม่?

ตำรวจเองมีหน้าที่ในการให้ความเป็นธรรมกับประชาชน แต่มีตำรวจอีกไม่น้อย ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วจะมีความเป็นธรรมที่ไหน ที่จะไปให้กับประชาชน พันตำรวจโทคนนี้ ถ้ายังรับราชการตำรวจอยู่ ก็คงจะไม่มีความเป็นธรรมที่จะให้กับประชาชนได้เพราะตัวเขาเอง เขายังคิดว่าเขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมเลย

อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ปฏิรูปเพื่อตำรวจเท่านั้น ยังมีคณะกรรมการอีก 1 – 2 คณะที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยตรง แต่ยังไม่ขอพูดในที่นี้(ขออุบ)ไว้ก่อน รอเวลาอันเหมาะสมเมื่อเรื่องนั้นๆ จะเข้าสู่การประชุมสภา แล้วจะกลับมาพูดให้ฟังเป็นลำดับไป สำหรับพันตำรวจโท คนนั้นซึ่งกระผมยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ? หากตั้งใจแน่วแน่ที่จะลาออกจากราชการ เพื่อไปประกอบอาชีพส่วนตัวและดูแลครอบครัวจริง ก็ขอให้ประสบความสำเร็จทั้งสองประการ เสียดายที่ไม่ได้รอใช้ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ไปพร้อมกัน ขอโทษพูดผิด (เพราะกระผมเกษียณราชการไป 5 – 6 ปีแล้วครับ)


ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เผยถึงกรณีดังกล่าว ไม่อยากให้กำลังพลทุกนาย ท้อแท้ เพราะหากกำลังพล ท้อแท้ ต่อการปฎิบัติหน้าที่ ผลที่เกิดขี้นจะตกอยู่กับประชาชน การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี ทุก ๆ ปีที่ผ่านมา มีทั้งคนสมหวัง ผิดหวัง เป็นปกติ เหมือนกันกับข้าราชการทุกหน่วย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เป็นไปตามกฏ ก.ตร. รวมทั้งระเบียบ กฏหมายที่เกี่ยวข้อง วอนว่าอย่าท้อแท้ จงสร้างพลังให้กับตัวเองเพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน สมกับเป็นตำรวจที่เคยรับรู้ รับทราบอยู่แล้วว่าจะต้องปฎิบัติ ตัวอย่างไร กับการที่เข้ามารับราชการตำรวจ

“ในการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการโดยคำนึง “ประโยชน์แก่ทางราชการ” เป็นหลัก ทำด้วยความรอบคอบ เป็นไปตามกฏ ก.ตร. รวมทั้งระเบียบ กฏหมายที่เกี่ยวข้อง หากข้าราชการตำรวจที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการแต่งตั้งโยกย้าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีช่องทางกฏระเบียบให้ ร้องทุกข์ ต่อ ก.ตร. ซึ่งทาง ก.ตร.คณะร้องทุกข์ฯ พร้อมที่นำมาพิจารณาความเป็นธรรม ซึ่ง ผบ.ตร. ก็ได้กำชับให้พิจารณาให้เกิดความโปร่งใส เข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น เพื่อ “ประโยชน์แก่ทางราชการ” ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจด้วย” พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าว


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/IfQK9POb2Z4

คุณอาจสนใจ

Related News