สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด นายน์ทีน สายพันธุ์ “โอไมครอน” ในต่างประเทศวันนี้ ล่าสุด สหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 6 รัฐ ขณะที่นอร์เวย์พบ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” โดยมีผู้ติดเชื้อล่าสุด มากถึง 12 คน

สหรัฐอเมริกาออกมาประกาศว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนสายพันธุ์ “โอไมครอน” เพิ่มอีก 6 รัฐ ซึ่งประกอบไปด้วย นิว เจอร์ซี่, แมรี่แลนด์, มิสซูรี่, เนบราสก้า, เพนซิลเวเนียและยูทาห์ จากเดิมที่มีอยู่ 5 รัฐ คือ นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย มินเนโซต้า โคโลราโด้ ฮาวาย ทำให้ขณะนี้ สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อ “โอไมครอน” แล้วในทั้งหมด 11 รัฐทั่วประเทศ

ซึ่งการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา พบว่าบางรายติดเชื้อภายชุมชน เนื่องจากไม่มีการประวัติการเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน

โดยที่รัฐเนบราก้า พบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 6 คน ในจำนวนนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 คน อย่างไรก็ตาม ทางด้านหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐย้ำว่า ยังไม่มีผู้ติดเชื้อคนใดต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลขณะนี้ เช่นเดียวกันกับที่แมรี่แลนด์ ผู้ว่าการรัฐออกมาประกาศพบผู้ติดเชื้อ “โอไมครอน” 3 ราย ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีใครป่วยรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ส่วนที่ออสเตรเลีย ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่ซิดนีย์ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้วอย่างน้อย 13 คน หลังจากที่เมื่อวานนี้ มีการรายงานผู้ติดเชื้อจากภายในชุมชน 1 คน ทำให้ทางการกำลังดำเนินการตรวจสอบที่มา และระบุว่าผู้ติดเชื้ออาจจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่รัฐควีนส์แลนด์มีรานงานผู้ต้องสงสัยที่จะติดเชื้อ “โอไมครอน” 1 คน โดยเป็นผู้ ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ ขณะนี้ กำลังเฝ้ารอผลการจัดลำดับพันธุกรรมอยู่

การพบผู้ติดเชื้อ “โอไมครอน” ภายในประเทศ ทำให้ขณะนี้ ทางการรัฐเซาท์ ออสเตรเลีย ออกมาประกาศในวันนี้ว่าผู้ที่เดินทางมาจากรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย ต้องเข้ารับการตรวหาเชื้อโควิด นายน์ทีน แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศเปิดพรมแดนภายในประเทศไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

ขณะที่นอร์เวย์ เมื่อวานนี้สาธารณสุขออกมาเปิดเผยว่า จากกรณีงานเลี้ยงฉลองเทศกาลคริสต์มาส ที่ร้านอาหารในกรุงออสโล่ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่่ผ่านมา ที่พบผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า 50 คน และหนึ่งในนั้นติดเชื้อโอไมครอน มีประวัติเพิ่งเดินทางมาจากแอฟริกาใต้ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเพิ่มอีก 12 คนแล้ว นับเป็นซูเปอร์ สเปดเดอร์แรกของโอไมครอน ที่เกิดขึ้นในนอร์เวย์

ส่วนที่อินเดีย ล่าสุด รัฐบาลออกมาประกาศพบผู้ติดเชื้อ “โอไมครอน” รายที่ 3 ของประเทศ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้เป็นชายวัย 72 ปี อาศัยอยู่ในรัฐคุชราฏ (Gujarat) ทางตะวันตกของประเทศ และพึ่งเดินทางกลับมาจากซิมบับเว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของนักวิจัยจากบริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่กำลังเป็นที่วิตกกังวลอยู่ในขณะนี้ อาจมีการกลายพันธุ์อย่างน้อย 1 จุด จากการได้รับชิ้นส่วนของยีนของไวรัสชนิดอื่น เช่น ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัดที่อยู่ภายในเซลล์ที่ติดเชื้อเดียวกัน

นักวิจัยระบุว่า ลำดับทางพันธุกรรมที่พบนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในไวรัสโคโรนา (SARs-Cov-2) ตัวอื่นก่อนหน้านี้ แต่พบได้อย่างแพร่หลายในไวรัสตัวอื่น ๆ มากมาย รวมถึง ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัดและที่อยู่ภายในจีโนมของมนุษย์

เวนกี ซาวดาราราจัน (Venky Soundararajan) นักวิจัยจากบริษัท nference ซึ่งเป็นบริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การที่โอไมครอนนำชิ้นส่วนจากไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคไข้หวัดธรรมดาเข้าไปตัวเอง ทำให้มันมีลักษณะ “เหมือนกับมนุษย์” มากขึ้น จึงทำให้มันสามารถหลบหลีกภูมคุ้มกันได้เป็นอย่างดี

สิ่งนี้จึงอาจหมายความว่าเชื้อ “โอไมครอน” สามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายมากขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดอาการป่วยที่ไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการเลย

อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า “โอไมครอน” สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่, รวมถึงสามารถทำให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงมากขึ้น และอาจแซงหน้า “สายพันธุ์เดลต้า” จนขึ้นมากลายเป็นสายพันธุ์หลักได้หรือไม่ ซึ่งยังต้องอาจใช้เวลาในการศึกษาอีกหลายสัปดาห์เพื่อตอบคำถามเหล่านี้