เจ้าบ่าวปัดเทงานแต่ง โอดโดนบังคับชีวิต ฝ่ายหญิงโต้ทันควัน "เขาก็มีความสุขดีนี่คะ"

สังคม

เจ้าบ่าวปัดเทงานแต่ง โอดโดนบังคับชีวิต ฝ่ายหญิงโต้ทันควัน "เขาก็มีความสุขดีนี่คะ"

โดย nicharee_m

24 พ.ย. 2564

1.1K views

ฝ่ายชายโต้ ไม่ได้เทงานแต่ง แต่บอกเลื่อนงานเพราะสถานการณ์โควิด แต่ฝ่ายหญิงจัดการเองหมด โดยไม่ปรึกษา


จากกรณีว่าที่เจ้าสาวออกมาโพสต์ในโลกออนไลน์ว่า ถูกฝ่ายชายเทงานแต่ง จนเป็นกระแสดรามาในสื่อโซเชียล ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนาๆ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของฝ่ายชาย ซึ่งทราบว่า เป็นลูกหลานของร้านซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกท่าแซะ จ.ชุมพร


โดบพบนายกฤษฎา หรือเกมส์ อายุ 27 ปี และครอบครัว เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองกับฝ่ายหญิงคบหากันมา 9 ปี ตลอดเวลาที่คบกัน ตนเองได้ช่วยเหลือดูแลฝ่ายหญิงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะซักผ้า ล้างจาน ซื้อกับข้าว ทั้งๆ ที่ที่บ้านตนเองไม่เคยทำ ตามใจทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีปัญหา ปรับเปลี่ยนตัวเองจน จนในบางครั้งตนเองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องอยู่ติดกับฝ่ายหญิงตลอด แม้กระทั่งจะกินข้าวกับครอบครัวก็ไม่ค่อยได้มา เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ต้องคุยโทรศัพท์ด้วยตลอดเวลา


ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องมือที่ 3 ฝ่ายหญิงมีความจริงจังกับตนเองมาก มีความตั้งใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น ฝ่ายหญิงพูดเรื่องที่จะแต่งงานมาโดยตลอด เพราะกลัวอาถรรพ์เลข 7 ขอให้ตนนำพ่อแม่มาสู่ขอ แต่ตนรู้ว่าที่บ้านยังไม่พร้อม ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันและโควิด ทำให้ร้านขาดสภาพคล่อง ตนจึงไม่ได้นำเรื่องที่ฝ่ายหญิงเร่งรัดมาคุยกับพ่อแม่ เพราะไม่อยากให้ไม่สบายใจ เก็บเรื่องทั้งหมดไว้คนเดียว และตอบกลับฝ่ายหญิงว่าพ่อแม่ยังไม่ว่าง หาเหตุผลเพื่อเลื่อนการสู่ขอออกไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้มีงานประจำ ทำงานที่ร้านกับพ่อ เงินที่ใช้จ่ายก็ยังเป็นเงินกงสี ไม่ได้มีเงินเดือน


จนกระทั่งล่าสุดคือฝ่ายหญิงบอกว่าถ้ายังไม่มาสู่ขอ ก็จะเลิก และมีการทะเลาะกันแต่ไม่รุนแรง และสุดท้ายตนก็ยอมมาคุยกับพ่อแม่ และได้มีการตกลงเรื่องสินสอดกัน หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงได้ก็ได้จัดการในเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้ง การหาฤกษ์แต่งงาน และจองจัดเตรียมงานทุกอย่าง ซึ่งในตอนนั้นตนเองคิดว่าคงจะสามารถหาเงินสินสอดมาได้ เมื่อฝ่ายหญิงไปหาฤกษ์แต่งงาน ทางพ่อแม่ได้ขอเลื่อนงานแต่งไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีค่าสินสอด หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยจัดงานแต่งเหมือนเดิม


แต่ทางฝ่ายหญิงได้มาปรึกษาขอให้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน และเอาสินสอดมามอบให้ตนเองถ่ายรูปเก็บไว้ โดยจะไปถ่ายภาพกันที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง และจะเอาเงินสินสอดมาวาง พร้อมกับเอาทะเบียนสมรสมาถ่ายภาพที่สตูดิโอ โดยที่ฝ่ายหญิงเป็นคนเตรียมการทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นตนรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสินสอดที่จะเอาไปให้ฝ่ายหญิง


และคิดไว้แล้วว่าจะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หรืองานแต่งงานใดๆ ทั้งสิ้น โดยตนเองคิดว่าจะจบปัญหาทั้งหมดโดยการจบชีวิตตัวเอง แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้ว่าทางตนจะไม่มาจดทะเบียนสมรส จึงได้กินยาฆ่าตัวตาย และโทรให้กู้ภัยมารับเพื่อพาไปหาหมอ ซึ่งตนเองเมื่อทราบก็ได้รีบไปที่โรงพยาบาลทันที และทางแม่ของฝ่ายหญิงได้บอกกับตนเองว่า ถ้าไม่มีสินสอดมาก็ขอจบกันเพียงเท่านี้เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูลูกของตนเองได้


หลังจากนั้นในวันที่ 12 พฤศจิกายนตนเองก็ได้คิดจะจบชีวิตตัวเองเพื่อจบปัญหาต่างๆ และไม่อยากรับรู้เรื่องทั้งหมด โดยการขับรถออกจากบ้านไปนอนที่ชายทะเล เพื่อให้คลื่นซัดและจมน้ำ และสุดท้ายคลื่นก็ซัดไปอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่งจนได้ไปอาศัยอยู่ที่วัดจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน จนพี่สาวตนเองไปตามหาจนเจอ เพราะตนเองได้เอารถไปจอดไว้บริเวณชายทะเล


นายเกมส์ ยังบอกอีกว่า ตลอดระยะหลังๆมา ตนเองไม่เคยได้จับมือถือเลย ฝ่ายผู้หญิง จะเป็นคนถือและคอยโพสต์โน้นนั้นนี้อยู่ตลอด และบางครั้ง มีญาติๆ เข้ามาคอมเม้นท์หยอกล้อ ก็จะโดนด่าตอบไป ทำให้หลายคนแปลกใจเพราะนิสัยตนไม่ได้เป็นคนก้าวร้าว และมารู้ความจริง ก็หลายๆ เรื่องประดังออกมา ซึ่งทุกคนก็ดีใจที่ตนเองได้เป็นอิสระ ส่วนเรื่องจะแจ้งความก็ว่ากันไปในอนาคต


ด้านแม่ของนายเกมส์ กล่าวว่า ที่บ้านรับรู้ว่าลูกคบกัน และไม่เคยห้ามคบกัน แต่ปัญหาคือช่วงที่ลูกมาคุยเรื่องให้ไปขอฝ่ายหญิง ตนเองก็ขอผลักลูกไปหลายครั้ง เพราะยังไม่พร้อมเรื่องการเงิน แต่ล่าสุดลูกชายมาบอกให้ไปคุยกับทางฝ่ายหญิง เพราะเรียกไม่แพงแล้วแต่ฝ่ายชายจะให้ ก็เลยตัดสินใจไปคุย เมื่อไปพบทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดเป็นเงินและทอง เกือบ 1 ล้านบาท ตนได้ต่อรองฝ่ายหญิงก็ลดให้ แต่พอกลับตนก็บอกลูกชายขอผลัดไปสักปีหน้า ค่อยจัดงานใหญ่ทีเดียว แค่ขอเลื่อนไม่ได้ยกเลิกงาน สุดท้ายแม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่าตนเรื่องขอเลื่อนงานแต่ง


หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตนเองได้คุยกับลูกว่าจะเอายังไงต่อ ลูกชายได้บอกว่าขอจบทุกอย่าง ไม่ไปต่อ เท่าที่สังเกตลูกไม่ยิ้มแย้ม ไม่พูดคุย รู้ว่าลูกคงทุกข์มากแต่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง จนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ลูกหายไปมารู้ภายหลังว่าคิดสั้นฆ่าตัวตาย


ส่วนพี่สาวนายเกมส์ บอกว่า ก่อนหน้านี้น้องชายได้พูดเป็นลางกับแม่ตลอดว่า ไม่รู้จะอยู่ถึงวันแต่งงานหรือเปล่า จนวันที่ 12 พฤศจิกายน แม่โทรมาบอกว่าน้องชายหายไป กลัวน้องจะคิดสั้น จึงได้ประกาศตามหาทางเฟซบุ๊ก ในวันนั้นฝ่ายหญิงได้โทรหาตน ถามว่าจะเอายังไงเจอเกมส์หรือยัง ซึ่งตนได้บอกว่าขอคุยกับน้องก่อน ระหว่างนั้น ฝ่ายหญิงเสนอว่าถ้าทางเราจบ เขาก็จะจบ สุดท้ายคุยกับน้อง น้องบอกว่าจบ ทางฝ่ายหญิงจึงไปแจ้งความ

คุณอาจสนใจ

Related News