กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตือนชาวบ้านอาศัยใกล้พื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เลี่ยงทำการเกษตรและหาของป่า ในช่วงช้างออกหาอาหาร เนื่องจากช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการถูกช้างป่าทำร้าย ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมากถึง 3 ราย

สำหรับรายล่าสุด เกิดเหตุในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลทับช้าง อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พบร่างนายประยูร เพชรฤทัย อายุ 76 ปี นอนเสียชีวิต ห่างจากแนวกันช้างประมาณ 800 เมตร จาการตรวจสอบพื้นที่ พบผู้ตายมีร่องรอยถูกช้างเหยียบที่หน้าอกและตามร่างกายหลายจุด บริเวณที่เกิดเหตุพบร่องรอยการหากินของช้างในหลายจุด

ลูกชายของผู้ตาย อายุ 48 ปี เล่าว่า ตนเองและพ่อขึ้นไปหาของป่าในช่วงบ่าย พอตกเย็นได้ยินเสียงพ่อตะโกน จึงรีบวิ่งไปดู พบว่าช้างป่ากำลังใช้เท้าเหยีบพ่ออยู่ จึงตะโกนไล่จนช้างหนีไป เมื่อวิ่งเข้าไปดูพบว่าพ่อสลบไปแล้ว พยายามลงมาตามคนไปช่วย แต่ไม่ทัน พ่อเสียชีวิต ก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึง

หากย้อนไปวันที่ 9 พฤศจิกายน พื้นที่ตำบลเขาแก้ว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ก็มีเหตุการณ์นายชินวัตร มหิทธิ อายุ 22 ปี ถูกช้างทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต พบศพนอนคว่ำหน้าอยู่กลางถนน มีร่องรอยถูกช้างเหยีบบที่หน้าอก ถัดไป 50 เมตร พบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายล้มอยู่ สภาพด้านหน้าพังเสียหาย คาดว่าช้างเดินออกมากินสัปรดของชาวบ้านในไร่ข้างทาง และเดินถามถนน ช่วงที่ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์มาพอดี

ส่วนอีกเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ช้างป่าจากเขาอ่างฤาไนย เหยียบนายปริญญา เกษราธิกุล อายุ 46 ปี ผู้สื่อข่าวพิเศษของสื่อแห่งหนึ่ง เสียชีวิตบริเวณอ่างเก็บน้ำคลองสันทราย ตำบลคลองพลู อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากผู้ตายติดตามเจ้าหน้าที่อุทยานและอาสาเฝ้าระวังช้าง ไปรักษาช้างป่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กันเอง

ขณะยิงเจ้าหน้าที่ยิงยาปฏิชีวนะเข็มที่ 2 ช้างตกใจและเกิดภาวะเครียด จึงวิ่งใส่กลุ่มสัตวแพทย์ ผู้ตายอยู่ระหว่างบันทึกภาพ หนีไม่ทัน ถูกช้างน้ำหนักประมาณ 6 ตัน ชื่อว่า ‘เจ้าโหนก’ ใช้งวดเหวี่ยงฟาดลงพื้น ใช้เท้าเหยียบ จนผู้ตายเสียชีวิต มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ ว่าช้างตัวนี้มีนิสัยเกเรดุร้าย เคยทำร้ายคนเสียชีวิตมาแล้ว 2 ศพ

ทีมข่าวสอบถามไปยัง ดร.มานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถึงแนวทางการแก้ปัญหาช้างทำร้ายร่างกายประชาชน ได้ข้อมูลว่า ปกติกรมอุทยานฯมีมาตรการดูแลอยู่แล้ว ทั้งการตั้งจุดเฝ้าระวังดูแล การทำแหล่งอาหาร การเสริมแนวป้องกันช้างออกมาจากป่า และปกติแต่ละชุมชนก็มีแนวทางป้องกันของชุมชนแล้ว

สิ่งสำคัญตอนนี้ คือการทำความสื่อสารทำความเข้าใจ ว่าการแก้ปัญหาช้างป่าต้องทำร่วมกันทุกฝ่าย ในส่วนกรมอุทยานฯก็เร่งสร้างแหล่งอาหารในป่า เพื่อไม่ให้ออกมารบกวนชาวบ้าน แต่การทำแหล่งอาหารก็ต้องระวังไม่ให้กระทบพื้นที่ป่าสมบูรณ์ด้วย

ข้อมูลสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เปิดเผยว่า ในปี 2563-2564 มีช้างป่าออกหาอาหารนอกพื้นที่อนุรักษ์ มากถึง 120% ปี 2563 พบช้างออกนอกพื้นที่ 5,770 ครั้ง ปี 2564 ช้างออกนอกพื้นที่ 6,340 ครั้ง สาเหตุหลัก เพราะช้างออกหาอาหารและแหล่งน้ำ ทำให้ชาวบ้านจะเจอช้างโดยบังเอิญ โดยเฉพาะช่วงเย็น ต่อเนื่องถึงกลางคืนที่ช้างออกหากิน

ประเด็นน่าสนใจ ช้างเป็นสัตว์ที่เรียนรู้เร็ว เมื่อรู้ว่าพื้นที่นอกป่ามีผลไม้ ช้างจึงต้องการเปิดแหล่งอาหารใหม่ ในขณะที่คนก็ต้องออกประกอบอาชีพกลางคืน เช่นออกกรีดยาง ดังนั้นชาวบ้านอาจจะลดเวลาออกนอกพื้นที่ในช่วงนี้ ลดเวลาการประกอบอาชีพในช่วงเวลาออกหากิน เพื่อความปลอดภัยของตนเอง