จับ 'สีดอโหนก' ช้างป่าเพชฌฆาต นำไปปล่อยในเขาอ่างฤาไนชั้นในสุด

เมื่อกลางดึก วันที่ 23 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่าได้รับแจ้งจากอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่าตำบลเขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ปราจีนบุรี และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมบูรณาการเคลื่อนย้ายช้างป่า เจ้า 'สีดอโหนก' ช้างป่าเพชฌฆาต จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ได้อพยพข้ามฝั่งเข้ามาหากินอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านอ่างปลากั้ง ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี


เจ้าหน้าที่ติดตามได้แกะรอยจนทราบว่าเข้ามาหากินอยู่ในพื้นที่ จึงนำสัตวแพทย์นำยาซึมมาซุ่มยิงเจ้าสีดอโหนก เพื่อที่จะจับขนย้ายออกจากพื้นที่ เกรงว่าประชาชนในพื้นที่จะได้รับอันตรายจากช้างป่าสีดอโหนกอีก ที่ผ่านมาสีดอโหนกได้ทำร้ายประชาชนเสียชีวิตมาแล้ว ขณะเจ้าหน้าที่แกะรอย เจ้าสีดอโหนกได้พุ่งใส่รถไถที่ของเจ้าหน้าที่ขณะยืนอยู่ ขณะที่หัวหน้าพิทักษ์กับทีมยิงยา อยู่ด้วย


ตั้งแต่ช่วงเย็นยาวต่อเนื่องจรดหัวค่ำ เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานนับชั่วโมง กว่าจะยิงยาซึมได้ เนื่องจากสีดอโหนกรู้ตัว ได้วิ่งหนี กระทั่งเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ใช้ยาซึมยิงสีดอโหนกได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นจึงนำแบคโฮ พร้อมเจ้าหน้าที่จิตอาสากว่า 100 นาย ใช้เชือกมัดขาทั้ง 4 นำขึ้นรถบรรทุกของกรมอุทยานฯ อย่างทุลักทุเล เพราะสีดอโหนก หรือฉายาสิบล้อ นั้นตัวใหญ่น้ำหนักมากเกินกว่า 1 ตัน ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถนำตัวสีดอโหนกขึ้นรถบรรทุกสิบล้อได้เป็นผลสำเร็จ เมื่อกลางดึก เวลา 22.40 น.เศษ


นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สอบ.2 (ศรีราชา) กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าช้างป่าสีดอโหนก หรือฉายาว่าสิบล้อ ได้ข้ามฝั่งจาก จ.ฉะเชิงเทรา เข้ามาหากินในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลวังท่าช้างและตำบลเขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ก่อนหน้าเคยทำร้ายประชาชนเสียชีวิตมาแล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และยังเข้าบ้านเรือนประชาชน จึงจับขนย้ายสีดอโหนกออกจากนอกพื้นที่


การจับขนย้ายสีดอนโหนกในครั้งนี้ จะนำไปปล่อยในพื้นที่อนุรักษ์ชั้นในสุด ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากพื้นที่เขาไม้แก้ว 85 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Tw5RH8BbIWE