เหตุเกิดช่วงกลางดึกวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดภายในร้านบันทึกภาพคนร้ายได้เมื่อเวลา 22.53 น. เป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 25-35 ปี สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ใส่หมวกแก๊บสีดำ สวมไอ้โม่งสีดำ เสื้อแขนยาวสีดำ มีแถบขาวตรงกลาง สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมถุงมือ และสวมรองเท้าสีดำมีแถบสีขาว ในมือถือมีดยาวประมาณ 20 เซนติเมตร พร้อมกับไม้หน้าสามอีก 1 อัน เดินอยู่ภายในร้าน

ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้กับคนที่อยู่ในบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ซึ่งก็คือ นางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต อายุ 65 ปี เป็นพี่สาวของเจ้าของร้าน ส่วนนายหวังดี อินทวงศ์ อายุ 71 ปี เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าของร้าน

หลังเกิดเหตุตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายได้เจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 ของร้าน แล้วกระโดดลงมา จากนั้นได้เดินลงมาที่ชั้นที่ 1 บริเวณส่วนกลางของบ้าน ซึ่งขณะนั้นนางพวงเพ็ญ และนายสมหวัง นั่งดูทีวีอยู่

จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น พร้อมบังคับให้เปิดตู้เซฟ แต่ทั้งสองไม่ยอมจึงถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันและใช้ไม้ตีบริเวณศรีษะจนทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายจำเป็นต้องเปิดตู้เซฟ ที่เก็บทองรูปพรรณ ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน แลกำไล จำนวนหลายรายการ

จากนั้นคนร้ายได้กวาดทองรูปพรรณที่อยู่ในตู้เซฟไปหลายรายการ และทองรูปพรรณที่วางอยู่บนถาดในรถเข็นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับตู้เซฟ ใส่ถุงพลาสติกสีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในร้าน จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีออกจากบ้านไปทางช่องเดิมที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนนางพวงเพ็ญ และนายหวังดี ซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่บริเวณหน้าทีวี ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จากบุคคลที่อยู่ข้างเคียง จนได้รับการช่วยเหลือในที่สุด

สำหรับความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอกประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 รักษาการผู้กำกับสืบสวนภูธร จ.ภูเก็ต ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อสรุปความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้าย ล่าสุดมีการเชิญตัวพนักงานขายทองหญิงประจำร้านทองมาให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน

พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า จากการสอบถามเชื่อว่า คนร้ายได้ทองรูปพรรณน้ำหนักทองไม่น่าต่ำกว่า 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แบ่งชุดกันทำงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ และเส้นทางที่ใช้หลบหนี ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนคนร้ายยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นคนไทยหรือแรงงานต่างด้าว แต่ไม่ได้ตัดประเด็นคนที่เคยเข้าออกร้านทองเช่นเดียวกัน

ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ขณะนี้ปลอดภัยได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว และสามารถให้ปากคำกับทางตำรวจได้แล้ว