ลูกบ้านร้องถูกนิติบุคคลทำร้ายร่างกาย หลังพยายามตรวจสอบความไม่โปร่งใส ในการใช้เงินส่วนกลาง ด้านกรรมการนิติบุคคล โต้ไม่มีทุจริต ส่วนลูกบ้านรายนี้ มีพฤติกรรมยั่วยุก่อกวนอยู่แล้ว

เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 โพสต์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านบางขุนเทียน ชาย 2 คนที่เดินเข้ามา คือ กรรมการนิติบุคคลเข้าไปทำร้ายร่างกายลูกบ้านที่นั่งอยู่ในสำนักงาน และเปิดฉากทะเลาะวิวาทกันทั้ง 2 ฝ่าย

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสอบถามนาย ชาคริต ตติวิวัฒน์วรวุฒิ อายุ 66 ปี 1 ในลูกบ้านที่ถูกทำร้ายร่างกายตามคลิป เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 ระหว่างที่ตนเองและเพื่อนบ้าน เข้าไปขอดูคลิปกล้องวงจรปิดที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อนำไปแจ้งความ หลังถูกกรรมการนิติบุคคลคนหนึ่งขับรถจะเฉี่ยวชน แต่กลับถูกกรรมการเข้ามาทำร้ายตามภาพในคลิป ตบโทรศัพท์มือถือ และรุมทำร้าย

ส่วนสาเหตุที่เพิ่งนำคลิปมาโพสต์ลงโซเชียล แม้จะผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว ก็เพราะทนพฤติกรรมของกรรมการนิติบุคคลชุดนี้ไม่ได้ และมีหลายอย่างส่อทุจริตเงินส่วนกลาง อีกทั้งกรรมการชุดนี้หมดวาระไปแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคม 63 แต่ก็ยังไม่ยอมจัดประชุมเพื่อเลือกกรรมการชุดใหม่

ด้าน นายสงวน จิตภักดีรัตน์ อายุ 62 ปี ลูกบ้านอีกคน เล่าเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากสมาชิกมีข้อสงสัยว่ากรรมการนิติบุคคลชุดนี้ อาจจะทุจริต เช่น ค่าจ้าง รปภ. ไม่ตรงกับที่ รปภ. ได้รับจริง ใช้จ่ายค่าน้ำมัน เกินกว่าปกติถึง 127% เมื่อพยายามจะขอตรวจสอบก็ถูกบ่ายเบี่ยง นอกจากนี้ ในแต่ละปีนิติฯ มักจะเบิกเงินเพิ่มจากค่าใช้จ่ายราว 2 ล้านบาท อ้างว่าเป็นค่าพัฒนาหมู่บ้าน แต่ไม่มีการตั้งโครงการเบิก หรือแจกแจงว่าเอาไปพัฒนาอะไร

ขณะที่ทีมข่าวได้ไปสอบถามทางฝั่งของคู่กรณี คือ นายอลงกรณ์ สุขใส กรรมการนิติบุคคลหมู่บ้าน ยอมรับว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันจริง ซึ่งเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย และร่วมกันทะเลาะวิวาท แต่นายชาคริต ลูกบ้านเป็นฝ่ายเริ่มก่อน วันนั้นได้มาขอพบกรรมการนิติบุคคล แต่แสดงออกพฤติกรรมที่หยาบคาย ไม่มีมารยาท และก็ยกโทรศัพท์มือถือมาจ่อหน้าถ่ายคลิป ทำให้รู้สึกว่าถูกคุกคาม จึงเกิดเหตุการณ์ตามคลิป พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนกรณีที่บอกว่านิติบุคคลทุจริต ยืนยันว่า ไม่จริง และที่ยังไม่เลือกคณะกรรมการใหม่ เพราะติดสถานการณ์โควิด

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้เตือนสำหรับผู้ที่นำคลิปไปโพสต์ลงในโซเชียล อาจจะดำเนินคดี เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง