หลายหมู่บ้านตำบลหัวทะเล อ.เมืองโคราช ระดมป้องน้ำด่วน หลังน้ำลำตะคองที่ถูกผลักดันออกจากเขตเทศบาลนคร เริ่มล้นลำน้ำเข้าท่วมบ้านเรือน 

(21 ต.ค.) น้ำท่วมที่นครราชสีมา ยังไม่คลี่คลาย แม้ว่าระดับน้ำในเขตเทศบาลจะมีแนวโน้มลดลง แต่จุดลุ่มต่ำก็ยังท่วมสูง เพียงแต่มีสัญญาณดีว่าไม่เพิ่มขึ้นแล้ว แต่กลายเป็นว่าชุมชนรอบนอก ที่อยู่ต่อเขตเทศบาล กำลังเผชิญปัญหาน้ำล้นลำน้ำลำตะคอง และยังได้รับผลกระทบจากการติดเครื่องสูบน้ำเร่งระบายออกจากตัวเมือง ทำให้ชุมชนรอยต่อเป็นกังวล

เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง ช่วยกันนำกระสอบทรายมาวางรอบแนวขอบของลำตะลอง เพื่อกั้นน้ำไม่ให้ทะลักเข้าทว่มบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตร ของ 3 หมู่บ้านในตำบลหัวทะเล หลังจากระดับน้ำเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เมื่อวาน ที่จริงวางกระสอบทรายกั้นไว้ 1 เป็นระยะ และสมทบเพิ่มขึ้นไปเรื่อย แต่ระดับน้ำก็ยังมาไม่หยุด และเจาะทะลุเข้ามาเรื่อย ทำให้ต้องลาดตระเวนทั้งคืน

นายสาคร บุญจันทร์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายโยธาธิการ เทศบาลตำบลหัวทะเล บอกว่า ปกติลำตะคองจะรับน้ำไว้ได้ แต่รอบนี้มีน้ำหลากมามากจนล้นลำตะคอง และส่วนหนึ่งมาจากการผันของเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายออกจากตัวเมือง เขตเทศบาล ทำให้น้ำที่มาตามลำน้ำเชียวแรงด้วย

จากภาพมุมสูงจะเห็นประตูระบายน้ำข่อยงามที่อยู่ห่างไปราว 1 -2 กิโลเมตร ที่นั่นมีสถานีสูบน้ำของเทศบาลนคร เพื่อสูบน้ำฝั่งตะวันออกของเมือง กลับลงสู่ลำน้ำ ซึ่งถือว่าไม่มากนัก หากเทียบกับน้ำที่มาจากลำตะคองโดยตรง ส่วนลำตะคอง มีเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงที่ลุ่ม ทำให้น้ำไหลเชี่ยว

ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา น้ำในลำตะคองไหลแรง จนทำให้ชาวบ้านหัวทะเลค่อนข้างกังวลใจ เกรงว่าพนังจะพัง เพราะเป็นพนังดินทำขึ้นใหม่ เสริมกระสอบทราย ที่องค์กรป้องครองท้องถิ่นนำมาติดตั้งให้ และกำลังทหารมาช่วยเสริม ซึ่งเสียงสะท้อนคือความกังวลใจว่า น้ำในเมืองลดเร็ว แต่จะท่วมในชุมชนแรง และเชี่ยว จึงอยากให้ตระหนักเรื่องนี้

คาดว่าจะกลับเข้าลำน้ำในไม่ช้า เขื่อนลำตะคองไม่เติม ที่ระบายมาก 3 เขื่อนคือ ลำพระเพลิง มูลบน ท่าแชะ พร่องมาไม่มาก เท่ากับระบายก่อนที่จะมีคมปาซุมา คาดว่า 2-3 วันจะคลี่คลาย และที่ต้องเฝ้าระวังอีกคือปลายทางน้ำจากนี้ ที่จะลงพิมาย ที่ต้องรอดูอีก 1-2 วันจะประเมินความรุนแรงได้

อีกจุดที่ยังมีน้ำท่วมขังต่อเนื่องคือ ทุ่งสว่าง–ศาลาลอย ที่นั่นถูกขนาบข้างด้วยคลองลำตะคอง และทางรถไฟ ท่วมประมาณ 50-60 เซนติเมตร แต่การเข้าออกลำบาก ต้องเดินลุยน้ำ ผู้จะเข้าไปช่วยเหลือเสียงอาหาร ต้องตั้งใจเข้าไปเท่านั้น เพราะไม่มีเส้นทางอื่น ที่คนภายนอก หรือผู้บริจาคจะเข้าไปได้

ชาวบ้านบอกว่า เดือดร้อนตั้งแต่ช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ใด เพราะทำงานรับจ้าง และขับรถตุ๊กๆ ที่ชุมทางรถไฟจิระ แต่หลังจากโควิดมาก็ไมได้วิ่งรถ ยิ่งมาช่วงน้ำทว่มก็เดือดร้อนหนักขึ้น