คดีการทรมานระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาจนถึงแก่ความตาย ของอดีตผู้กำกับการโจ้ อยู่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และทำสำนวนของพนักงานสอบสวน แต่ความสงสัยฐานร่ำรวยผิดปกติ เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงและอำนาจของหน่วยงานเดียวที่จะตรวจสอบได้ คือคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.

ป.ป.ช.  เปิดเผยกับข่าว 3 มิติว่า นอกจากสอบที่มาของทรัพย์สินหลายรายการแล้ว ยังจะเรียกสำนวนบันทึกจับกุมรถยนต์หรู ที่อดีตผู้กำกับการโจ้ มาตรวจสอบย้อนหลัง เพื่อดูว่าการทำหน้าที่จับรถหรูดังกล่าว มีพิรุธใดที่เชื่อมโยง ทรัพย์สินที่อาจได้มาโดยมิชอบหรือไม่ 

ข้อสันนิษฐานของรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. สอดคล้องกับปรากฎการณ์หรือ พฤติกรรมของขบวนการ ที่ภาครัฐเรียกว่า “ฟอกรถหรู” ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ป.ป.ช.ใช้ในการตรวจสอบประเด็นสงสัยว่า เหตุใดอดีตนายตำรวจผู้ที่ที่ รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด แต่กลับมีสถิตินำส่งรถหนีภาษี มากถึง 368 คัน ในระยะเวลา 10 ปี นอกจากจะได้เงินรางวัลส่วนแบ่งในฐานะชุดจับกุมแล้ว ยังมีปมสงสัยว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ประมูลรถไปด้วยหรือไม่  ประเด็นเหล่านี้บันทึกจับกุมจะไขปริศนาได้

ตามขั้นตอนแล้ว รถผิดกฎหมายศุลกากรที่หนีภาษี ไม่ว่าจะโดยการนำไปจอดทิ้ง การขนส่งทางเรือสินค้า หรือมีขบวนการขับมาขายให้ก็ตาม เมื่อถูกยึดได้ต้องมีบันทึกจับกุมที่ลงรายละเอียด ผู้แจ้งเบาะแส ผู้ร่วมกันจับ รวมถึงรายละเอียดผู้ครอบครองรถ หรือสถานที่ตรวจยึด เพื่อดำเนินคดี ระหว่างดำเนินคดี รถจะเป็นของกลาง ในคดีของกรมศุลกากร จนเมื่อคดีสิ้นสุด จึงมีแนวทางขายทอดตลาด เมื่อขายทอดตลาดแล้ว ชุดจับกุมจะได้ส่วนแบ่งรางวัล ร้อยละ 20 ของราคาที่ประมูลได้ ไปแบ่งกัน  ส่วนผู้แจ้งเบาะแส จะได้สินบนแจ้งข่าว ร้อยละ 35

ดังนั้น บันทึกจับกุมที่ตำรวจส่งมาพร้อมกับรถของกลางให้ศุลกากรเก็บไว้ จะบ่งบอกว่าในรถแต่ละคัน ใครบ้างเป็นชุดจับ ที่ได้รับรางวัลรอยละ 25 ไปแบ่งกัน ใครบ้างเป็นคนสายข่าวแจ้งเบาะแส ได้เงินสินบนร้อยละ 30  บันทึกจับกุม จะนำไปสู่การตรวจสอบเปรียบเทียบว่า ปลายทางของรถที่ประมูลได้ ใครเป็นผู้ประมูลซื้อ โดยเจาะลึกเฉพาะรถ 363 คัน จากจำนวน 368 คันนี้ก่อนว่า ผู้ประมูลได้ เป็นคนกลุ่มเดิมๆ และเชื่อมโยงกับคนชุดที่จับหรือไม่

ข่าว 3 มิติ ยังได้รับเบาะแสว่าแม้บันทึกจับกุมจะชัดเจน แต่มักไม่ปรากฎรายละเอียดของ สายข่าว ส่วนใหญ่มักมีเพียงชื่อ ลายเซ็น หรือลายนิ้วมือที่ปั้มไว้ เพื่อให้ชุดจับไปรับแทนได้ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็เป็นช่องว่างให้หลายๆคดี ที่มักชื่อผี ที่ไม่มีตัวตน หรือใช้คนที่ไม่ใช่สายข่าวจริง ไปรับเงินสินบนแทน เพราะหากเป็นการจับโดยไม่มีสายข่าวแจ้งเบาะแส ก็จะไม่ได้เงินสินบนส่วนนี้

ช่องโหว่ดังกล่าวเป็นที่รับรู้ของหลายหน่วยงาน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาผิดขบวนการที่ยึดโยงกันไว้ด้วยผลประโยชน์ ทำให้ทั้งกรมการขนส่งทางบก กระทรวงพาณิชย์ และกรมศุลกากรชะลอการขายทอดตลาดรถมา 2 ปีแล้ว และแก้ไขระเบียบรับเงินสินบนแจ้งข่าวและรางวัลชุดจับ เหลือร้อยละ 25 เท่ากัน แต่สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท มีผลตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม รถที่อดีตผู้กำกับการโจ้ จับและประมูลไปถึง 363 คัน ก็ขายทอดตลาดไปได้ก่อนระเบียบนี้จะแก้ไข เหลือที่ยังขายทอดตลาดไม่ได้ 5 คัน ค่ะ