รอง ผบ.ตร. เผยโอนคดี 'ผู้กำกับโจ้' ให้กองปราบ - วิจารณ์สนั่น ปฏิบัติไม่เหมือนผู้ต้องหาคนอื่น

อาชญากรรม

รอง ผบ.ตร. เผยโอนคดี 'ผู้กำกับโจ้' ให้กองปราบ - วิจารณ์สนั่น ปฏิบัติไม่เหมือนผู้ต้องหาคนอื่น

โดย passamon_a

28 ส.ค. 2564

987 views

ส่งผู้กำกับโจ้ พร้อมพวกเข้าเรือนจำ รอง ผบ.ตร. เผยโอนคดีให้กองปราบ ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือ พร้อมเร่งสอบเส้นทางการเงิน ไม่ตัดประเด็นเรียกรับผลประโยชน์ 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดคลิปวงจรปิด ตรงข้ามโรงพักแสนสุข จับภาพรถที่อาจขับมาส่ง 'ผกก.โจ้' มอบตัว


พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวก รวม 7 คน ที่ใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต 


โดยระบุว่า ขณะนี้ยังเร่งสอบสวนให้ได้ประเด็นครบทุกปาก ก่อนโอนคดีไปยังกองบังคับการปราบปราม ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ได้ทำการตรวจสอบเเล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อมูล รวมถึงการเรียกรับเงิน ยืนยันไม่ได้ทำให้คดีเบาลง เเต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นเรื่องการเรียกรับเงิน รวมถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาตามาตรา 157 ด้วย และส่งให้ศาลประพฤติมิชอบและทุจริตกลาง  ส่วนประเด็นที่มีการเรียกรับผลประโยชน์นั้นที่มีการรับเงิน 1 ล้านบาท รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ บอกว่า ในคลิปวงจรปิดฉบับเต็มที่ตำรวจมีแล้ว เมื่อตรวจสอบแล้วยังไม่หลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่ามีการพูดเรียกรับผลประโยชน์



รวมถึงการสอบพยานก็ยังไม่พบประเด็นนี้ ซึ่งสิ่งที่ตรวจสอบในคลิป ก็ไม่แตกต่างจากที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะขยายผล เพราะเป็นประเด็นที่คาใจของสังคม แต่ในข้อเท็จจริง จะไปกล่าวหาหรือยัดเยียดข้อกล่าวหาไม่ได้ ส่วนประเด็นที่ผู้กำกับโจ้ อ้างว่า ลูกน้องได้ห้ามแล้ว และขอรับผิดชอบทั้งหมดนั้น จากการตรวจสอบในคลิป เสียงช่วงดังกล่าวก็ยังไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การห้ามจะช่วยบรรเทาโทษได้


ส่วนการสอบปากคำ เมื่อคืนหลังจากนำตัวผู้กำกับโจ้ กลับมายัง สภ.เมืองนครสวรรค์ ก็ยังให้การเหมือนกับที่ให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา


“แต่การอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชีวิตนั้น เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา ในลักษณะเดียวกันว่า ถุงห้ามนำมาครอบศีรษะ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผล” อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือ 



นอกจากนี้ ชุดสืบสวนนำตัวพ่อผู้ตาย แม่ผู้ตาย และแฟนผู้ตาย มาสอบปากคำใหม่อีกครั้ง หลังผู้กำกับโจ้ อ้างว่าไม่ได้เรียกเงิน 2 ล้าน รวมถึงการสอบเส้นทางการเงิน 5 ล้านบาท และยังมีการตรวจค้นบ้านของพ่อผู้ตายด้วย


โดย พ.ต.อ.อเนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ค้นบ้านยังไม่เจอหลักฐานเพิ่มเติม และยังไม่พบการปกปิดการเสียชีวิต เนื่องจากพ่อและเเม่ได้รับข้อมูลการเสียชีวิตจากทางตำรวจ จึงเชื่อและไม่ได้มีความสงสัยการเสียชีวิตของลูกชาย 


ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า การสอบปากคำ ทั้งพ่อ แม่ และแฟน ของผู้เสียชีวิต ไม่เข้าข่ายความผิดให้การเท็จ เนื่องจากพ่อของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน จากคำบอกเล่าของผู้กำกับโจ้คนเดียว เบื้องต้นจึงไม่มีดำเนินคดีใด ๆ รวมถึงประเด็นเรื่องยาเสพติด ก็ไม่มีการจับกุมที่ตัวแฟนของผู้เสียชีวิต แต่วันเกิดเหตุถูกเชิญตัวมาด้วย 


นอกจากนี้ สำหรับผู้กำกับโจ้ มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการ ตั้งแต่จับกุม สอบสวนไม่เหมือนกับผู้ต้องหาทั่วไป จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ไม่เหมือนกับประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้ามอบตัวที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ที่มีการประสานผ่าน พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 โดยอ้างว่าผู้กำกับโจ้ ประสานขอเข้ามอบตัว ตั้งแต่ช่วงเวลากลางคืน


แต่เมื่อได้รับเบาะแสผู้ต้องหาแล้ว กลับไม่มีการสืบสวน จับกุมทั้งที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ กลับให้เวลาผู้ต้องหาถึง 17 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ต้องหามามอบตัว ซึ่งต่างจากผู้ต้องหาทั่วไป ที่ตำรวจมักจะประกาศว่า ถ้าเจอก็จะจับทันทีไม่รอให้มามอบตัว


ต่อมาหลังการแถลงข่าวตำรวจกองปราบปราม พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้ควบคุมตัวผู้กำกับโจ้ ขึ้นรถตู้ออกเดินทางจากกองปราบปราม มายัง สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบปากคำและแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 1 นาฬิกา 30 นาที ก็ถูกคุมตัวเข้าไปยังห้องสอบสวนของ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อพบกับพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทันที  ซึ่งสิ่งที่พบคือ ระหว่างที่ถูกคุมตัวมาที่นี่ ยังมีตำรวจชั้นผู้น้อย ที่เข้าใจว่าเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ยืนแสดงความเคารพ และแสดงออกในลักษณะท่าทางที่มีความเป็นห่วงเป็นใยด้วย ทั้งจับมือ ทำความเคารพ และไหว้ 


จากนั้นผู้กำกับโจ้ ได้ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ ทันทีที่ไปถึงได้นำตัวขึ้นไปที่ห้องสอบสวนชั้น 2 ทันที ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เด็ดขาด 


แต่ต่อมาปรากฎว่า เพจข่าวสารชลบุรี-ระยอง มีการโพสต์ภาพ ผู้กำกับโจ้ สวมกอดกับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.57 ภายในห้องประชุมของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งที่นายตำรวจดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องคดี ไม่ใช่ญาติ แต่สามารถเข้าไปยังห้องสอบปากคำได้ แต่ผู้ต้องหารายอื่น ๆ ทำไม่ได้



และตั้งแต่เวลา 2 นาฬิกา วันที่ 27 จนถึงช่วงเช้า ผู้กำกับโจ้ ได้อยู่บนชั้น 2 ของกองบังคับการตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดยไม่ได้ถูกนำตัวมาควบคุมไว้ในห้องขังของ สภ.เมืองนครสวรรค์ แตกต่างจากผู้ต้องหาทั่วไป ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบว่าหน้าห้องขัง สภ.เมืองนครสวรรค์ ก็ไม่มีรายชื่อของผู้กำกับโจ้ รวมถึง ร้อยตำรวจโทธรณินทร์ แตกต่างจากตำรวจทั้ง 5 นาย ที่ถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/YEFbJqrHlmM

คุณอาจสนใจ

Related News