กลับไม่ถึงบ้าน! ชายวัย 56 ไม่สบาย รพ.ไม่รับตรวจโควิด ลูกเมียพากลับบ้าน เกิดล้มฟุบดับข้างถนน ตรวจศพพบติดโควิด

สังคม

กลับไม่ถึงบ้าน! ชายวัย 56 ไม่สบาย รพ.ไม่รับตรวจโควิด ลูกเมียพากลับบ้าน เกิดล้มฟุบดับข้างถนน ตรวจศพพบติดโควิด

โดย thichaphat_d

2 ส.ค. 2564

213 views

วานนี้ (1 ส.ค.) พบผู้เสียชีวิตริมถนนเจริญกรุง ใกล้ปากซอยเจริญกรุง 103 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบร่างนายสัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี นอนเสียชีวิตบนทางเท้า โดยมีภรรยาและลูกชายคอยดูอยู่ไม่ห่าง จากการตรวจเชื้อในเบื้องต้นพบผลบวกติดเชื้อโควิด ทางเจ้าหน้าที่จึงกั้นพื้นที่และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อความปลอดภัย


นางดวงเดือน (สงวนนามสกุล) ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สามีเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง และมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดัน โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทของสามีได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้พนักงานซึ่งตรวจผลเป็นผลจากนั้นสามีรู้สึกไม่สบายใจจึงให้ตนไปหาซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit มาตรวจเอง ผลเป็นลบ สามีก็ดีใจที่ไม่พบเชื้อ


โดยวันศุกร์ ที่ 30 ก.ค. สามียังมีอาการปกติ ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีอาการของโรคโควิด มีเพียงแค่อาการปวดหลังเท่านั้นจึงไม่ได้ไปทำงาน ตนจึงให้สามีกินยาและนอนพักผ่อนที่บ้าน อาการดีขึ้นแต่ไอเล็กน้อย


เช้าเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) หลังจากที่กินข้าวเสร็จอาการยังเป็น พออาบน้ำออกจากห้องน้ำปรากฏว่าสามีขาไม่มีแรงระหว่างนั้นบริษัทของสามีโทรมาและบอกให้ไปตรวจหาเชื้อโควิดอีกครั้งที่โรงพยาบาล ตนปรึกษากับทางบริษัทเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะไปตรวจที่ไหนและไม่รู้จะเดินทางอย่างไรเนื่องจากสามีไม่มีแรงเดิน


ตนจึงไปขอยืมวีลแชร์ของเพื่อนบ้านเพื่อจะพาสามีไปโรงพยาบาล โดยสามีมีอาการกระสับกระส่าย เวลาประมาณ 10 โมง ตนและลูกชายเข็นวีลแชร์พาสามีไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าปากซอย พยายามพยุงตัวขึ้นรถเพราะสามีไม่มีแรง โดยได้พาตัวสามีไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธไม่รับตรวจสามีเริ่มใจเสียเมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่พูด


ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวต่อว่า คุยกับลูกไม่รู้จะทำอย่างไร พยายามหาโรงพยาบาลอื่นเพื่อจะพาสามีไปตรวจหาเชื้อโควิด จะเสียค่าตรวจเท่าไหร่ก็ยอม จากนั้นไปโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ก็ปฏิเสธไม่รับตรวจโควิดเช่นกันและไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ของโรงพยาบาล สามีพยายามจะพูดแต่ไม่มีเสียง


ตนจึงพาสามีนั่งแท็กซี่เดินทางกลับบ้าน เวลานั้นสองแม่ลูกไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว พยายามสอบถามอาการของสามีแต่สามีพูดไม่ได้แล้ว ตนได้แต่นั่งคิดว่า “ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่ตรวจให้ ถ้ารู้ว่าติดเชื้อจะได้ทำการรักษาหรือกักตัว” เพราะตุนของกิน อุปกรณ์วัดความดันวัดไข้และยาแก้ปวดแก้ไข้ ฟ้าทะลายโจร กระขายไว้พร้อมหมดแล้ว กลัวว่าวันหนึ่งติดเชื้อขึ้นมาจะได้ดูแลรักษากันเองในเบื้องต้นได้ ไม่นึกว่าจะมาเจอเหตุการณอย่างนี้


หลังจากนั่งรถแท็กซี่มาถึงหน้าปากซอย ตนและลูกชาย ได้ช่วยพยุงสามีลงจากรถ พอก้าวขาลงจากรถ สามีก็ล้มฟุบทรุดลงกับพื้นบนทางเท้าหายใจรวยรินเหมือนคนใกล้ตายไม่มีใครเข้ามาช่วย ตนเองนั่งบนฟุตบาท ยกศีรษะสามีมานอนบนตัก พยายามโทรประสานหน่วยงานต่าง ๆ


“รู้สึกช็อกมากลูกชายพยายามเรียกพ่อ คนขับแท็กซี่ก็บอกให้ตนกับลูกชายเรียกสามีเพื่อให้เขารู้สึกตัว แต่สามีไม่ตอบสนองและไม่ขยับตัวก่อนสิ้นใจ คนละแวกนั้นมายืนดูไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย” ภรรยาผู้ตายเผยด้วยความอัดอั้นใจ คืนก่อนจะเสียชีวิตยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย ไม่คิดว่าสามีจะจากไปไว เราอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ดูแลกันอย่างดีตนนั่งบนฟุตบาทร้องไห้เสียใจจนไม่มีน้ำตา


หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ได้นำพลาสติกมาปกคลุมร่างของสามี ซึ่งอยู่ในสภาพร่างไร้วิญญาณบนฟุตบาท พร้อมทั้งฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ตนและลูกชายยืนเฝ้าศพตั้งแต่ 11 โมงถึงบ่ายโมง รอจนกว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมาเก็บร่าง ไปฌาปนกิจที่วัดบวรสถล(วัดดอน)


ภรรยาของผู้เสียชีวิตยังบอกอีกว่า “ตนกับลูกชายถือว่าเสี่ยงสูงเพราะสัมผัสใกล้ชิดกับสามี อยู่บ้านใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอยากไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลแต่ไม่รู้จะไปตรวจที่ไหน ขนาดสามีทางโรงพยาบาลยังไม่รับตรวจเลย ไปที่ไหนก็ไม่มีใครยอมตรวจให้ แล้วจะให้ทำยังไง เขาไม่ตรวจให้เรา ถ้ารู้ว่าติดเชื้อจะได้กักตัวอยู่บ้านไม่ออกไปไหน ” จากนี้จะไปชุดตรวจ Antigen Test Kit มาตรวจเอง


ด้านนายกฤศณะ อายุ 19 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เผยว่า หลังพ่อทรุดตัวล้มลงบนฟุตบาท ตนพยายามโทรหารถพยาบาล แต่ทุกอย่างช้าไปหมด กว่าจะติดต่อประสานได้พ่อได้เสียชีวิตแล้ว ตนเชื่อว่าตรวจแบบ Antigen Test Kit อาจผิดพลาดจึงไม่พบเชื้อ กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจให้หลังจากที่พ่อเสียชีวิตพบว่าผลเป็นบวก


“โทรครั้งเดียวก็น่าจะมีคนมาช่วยแต่นี่มันไม่ใช่ เราโชคร้ายและรู้สึกเสียใจ มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันอธิบายไม่ได้แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมรับมัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อไหร่ ทีแรกผมดีใจว่าพ่อไม่ติดเชื้อ แต่สุดท้ายก็ติดโควิด และต้องมาตาย” พ่อส่วนใหญ่จะออกไปทำงาน แม่ออกไปซื้อของ ส่วนตนเองแทบไม่ได้ออกจากบ้านเกือบ 2 เดือน จึงไม่รู้ว่าพ่อรับเชื้อมาจากที่ไหน “ผมกับแม่คงต้องไปตรวจหาเชื้อ ถ้าโชคดีคงไม่ตายเหมือนพ่อ”


ขณะที่นางดวงกมล อายุ 55 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเองพักอยู่บ้านคนละหลังกับพี่ชาย หลังเกิดเหตุเพื่อนบ้านโทรมาแจ้ง ตกใจจนตัวสั่นไม่คิดว่าพี่ชายจะติดโควิดตาย ติดใจที่โรงพยาบาลไม่รับตรวจหาเชื้อให้พี่ชาย เหมือนปล่อยให้เขาไปตาย สภาพต้องมานอนตายข้างถนน รับไม่ได้ หากนอนรอเตียงเสียชีวิต หรือไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจะไม่เสียใจขนาดนี้


“ใครบอกเฟกนิวส์ให้มาดู นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น เฟกนิวส์เรื่องความตายมันสนุกหรอ อาการหนักขนาดนี้มานั่งเฟกนิวส์เพื่อให้คนมาช่วยมันไม่ใช่ เห็นสภาพแล้วกดหู่ รู้สึกแย่ เห็นในข่าวคนตายข้างถนนไม่คิดว่าจะมาเกิดกับคนในบ้านของตัวเอง” ฉีดวัคซีนยิ่งฉีดยิ่งตายเหมือนไม่ป้องกันอะไรเลย วัคซีนดี ๆ ก็ไม่นำเข้ามา



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/LekFBg293Lo

คุณอาจสนใจ