ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากคุณแอน เนื่องจากคนในบ้านติดโควิดทั้งครอบครัว 7 คนต้องการเข้าระบบ Home Isolation พยายามติดต่อหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ

โดย คุณแอน เผยว่า คนในครอบครัวติดเชื้อโควิดทั้งบ้าน 7 คน มีคุณยาย อายุ 84 ปี อาการค่อนข้างแย่ ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก , คุณป้า อายุ 62 ปี โรคประจำตัวไขมันในเส้นเลือด มีอาการไข้ เหนื่อยหอบ , คุณแม่ อายุ 55 ปี โรคประจำตัวความดัน เบาหวาน , สามี อายุ 55 ปี โรคประจำตัวเบาหวาน มีอาการไข้ เหนื่อยหอบ ค่าออกซิเจนอยู่ที่ 92% , ตนเอง อายุ 34 ปี เป็นโรคอ้วน มีอาการไข้ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส , น้องชาย อายุ 22 ปี มีอาการไข้อ่อนเพลีย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส และลูกชายของตน วัย 4 ขวบ มีอาการไข้เล็กน้อย

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ตนพาครอบครัวไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งโรงพยาบาลรับคุณยายเป็นเคสวิกฤต เพราะค่าออกซิเจนต่ำ นำไปตรวจที่แผนกฉุกเฉิน แต่ให้คุณยายนอนรอที่ลานจอดรถหน้าห้องฉุกเฉิน ตั้งแต่บ่าย2 ถึง 6 โมงเย็น เพื่อรอผล และทำการเอ็กซเรย์ปอด

หลังจากทราบผลตรวจว่าติดเชื้อ ทางโรงพยาบาลจะรับคุณยายเข้าแอดมิด แต่คุณยายไม่ได้ทำประกันสุขภาพครอบครัวจึงกังวลว่าจะแบกรับจ่ายค่ารักษาไม่ไหว และตนไม่รู้ว่าภาครัฐจะจ่ายให้ในส่วนไหนบ้าง เพราะโรงพยาบาลไม่ได้บอกรายละเอียด บอกเพียงว่าคุณยายต้องเข้าห้องไอซียู มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นคืนละ 50,000 บาท ซึ่งบอกตรงๆว่าตนไม่มีปัญญาจ่าย ประกอบกับตัวคุณยายไม่อยากไปอยู่โรงพยาบาลคนเดียว อยากรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพราะคุณยายเห็นข่าวมีผู้เสียชีวิตทุกวัน คุณยายจึงกลัวว่าหากไปเข้าโรงพยาบาลแล้วอาจจะไม่ได้กลับมา ตนจึงพาคุณยายกลับบ้าน

เมื่อวันก่อน (26 ก.ค.) คุณยายอาการทรุดหนัก ค่าออกซิเจนเหลือแค่ 30% ตนจึงหาถังออกซิเจนมาให้คุณยาย จนค่าออกซิเจนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% ตอนนี้มีอาการหายใจลำบาก แต่ยังรู้สึกตัว ส่วนคุณแม่ โรงพยาบาลมารับตัวไปรักษาแล้ว

สิ่งที่ตนและครอบครัวต้องการตอนนี้ เพียงอยากได้ยาฟาวิพิราเวียร์เท่านั้น ไม่ได้ต้องการเตียง หรือความช่วยเหลืออื่นแต่ตนพยายามติดต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าระบบ Home Isolation กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ ได้คำตอบเพียงว่าไม่รับเรื่อง ให้โทรไปเบอร์อื่น โยนกันไปโยนกันมา พอติดต่อไป 1330 ก็ได้รับคำตอบว่าทำอะไรไม่ได้ ต้องลงทะเบียนและต้องรออย่างน้อย 48 ชม. ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆ

คุณแอนเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของตนไม่ได้อยากไปเบียดเบียนเตียงคนที่เขาอาการหนักกว่า แม้ว่าครอบครัวของตนจะมีประกันสุขภาพเกือบทุกคน ยกเว้นคุณยาย กับคุณป้า แต่ตนก็ไม่กล้าที่จะไปรักษาแล้วทิ้งคุณยายกับคุณป้าไว้ที่บ้าน จึงตัดสินใจอยู่ด้วยกันดีกว่า แต่แม้กระทั่งการขอยาก็ยังเข้าถึงลำบากยากเย็น หากหาซื้อเองได้ ตนคงจะไม่ต้องโทรไปอ้อนวอนหรือง้อหน่วยงานใดๆแน่นอน มันรู้สึกเศร้า รู้สึกแย่มาก ทำไมคนป่วยจะต้องรอ ทำไมพวกคุณไม่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ตนไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าจะได้เข้าสู่ระบบ กว่าจะได้รับยามารักษา หรือจะต้องมีใครเสียชีวิตก่อนหรือเปล่า

ทั้งนี้ ตนรู้สึกสงสารคนอื่นๆที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ตรวจหาเชื้อเหมือนตน ขนาดว่าครอบครัวตนเสียเงินตรวจหาเชื้อเอง ยังเข้าถึงการรักษายากขนาดนี้ แล้วคนที่ไม่มี เขาจะเอาเงินที่ไหนไปตรวจและรักษา ไม่แปลกใจเลยที่เกิดการเสียชีวิตรายวัน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/DmaKpS3G19Y