เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) ทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสุนันทา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ว่าพ่อของตนคือนายเว่งล้ง อายุ 86 ปี ชักเกร็งเสียชีวิตภายในบ้านพัก ตึกแถว 2 ชั้น ตรอกข้างโรงหนังเฉลิมรัฐ ย่านบางซื่อ กรุงเทพฯ

ก่อนหน้านั้นได้ไปฉีดวัคซีนกลับมา มีอาการคล้ายกับแพ้วัคซีน สุดท้ายเสียชีวิต ต่อมาตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด ลูกผู้เสียชีวิตคิดว่า อาจติดจากการต่อคิวรอฉีดวัคซีนหรือไม่ เพราะพ่อไม่เคยออกจากบ้าน คนในบ้านก็ไม่มีใครติดเชื้อ

นางสุนันทา เล่าว่า พ่อของตนเป็นคนแข็งแรง เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ได้พาคุณพ่อ กับคุณแม่ วัย 72 ปี ไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า กลับมาบ้านคุณพ่อ ยังมีอาการปกติไม่เป็นอะไร ส่วนคุณแม่ มีอาการอ่อนเพลีย กินข้าวไม่ได้ นอนปวดเมื่อยอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นไข้ ถ่ายท้อง จึงพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลฯ ที่รักษาตัวประจำ คุณแม่ไม่ไหวแทบจะคลาน เจ้าหน้าที่ทำการตรวจหาเชื้อโควิด แล้วบอกให้กลับบ้าน

กลับมาพักที่บ้านอาการคุณแม่แย่ลง วันรุ่งขึ้นตนจึงพาไปคลินิกใกล้บ้าน ทางคลินิกแจ้งว่าคุณแม่ อาจแพ้วัคซีน จึงได้ฉีดยา จากนั้นอาการคุณแม่ดีขึ้น แต่คุณพ่อกลับมีอาการทรุดลงอาการเดียวกับที่คุณแม่ ตนคิดว่าคุณพ่อ น่าจะแพ้วัคซีนเหมือนคุณแม่หรือไม่ อีกทั้งคุณพ่อมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ รูมะตอยด์ หอบ เก๊าท์ ไขมันอุดตัน

วันที่ 25 ก.ค. ก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิตได้เดินไปเข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ก็ล้มทรุดตัวลงในห้องน้ำ ลุกขึ้นไม่ได้ คุณพ่อไม่บอกว่าตนมีอาการยังไงบ้าง บอกเพียงว่ากินข้าวไม่ได้ ปวดศีรษะ ถ่ายท้อง ญาติพยายามช่วยกันพยุงออกจากห้องน้ำมานอนบนที่นอนกลางบ้าน สภาพของคุณพ่อนิ่ง

ตนพยายามติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เข้ามาดูอาการและรับพ่อส่งโรงพยาบาล แต่โทรไม่ติด ไม่มีใครรับสายโทรไปที่หน่วยงานหนึ่ง (1669 ) เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามารับส่งคุณพ่อได้ แต่ให้ตนประสานกับโรงพยาบาล เพราะไม่รู้ว่าโรงพยาบาลจะรับรักษาหรือไม่ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ก่อนที่คุณพ่อ จะเสียชีวิตนั่งมองตาลอย

ตนจับมือบีบมือพ่อไว้แต่เหมือนไม่ตอบสนองแล้ว ตัวเริ่มแข็ง ตนจึงโทรเรียกลูกชายคนโต ซึ่งอยู่บ้านอีกหลังช่วยดูอาการ ทุกคนในบ้านพยายามสอบถามอาการคุณพ่อ ก็ไม่พูดอะไร ส่งเสียง เออ...อา... คืนวันเดียวกันประมาณ 2 ทุ่มคุณพ่อ พยายามใช้มือสกิดที่ขาของตน เหมือนจะเรียก สักพักตัวเริ่มชักเกร็ง ลิ้นจุกปาก ก่อนนิ่งไป

นางสุนันทา กล่าวว่า ตนเองนั่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ จังหวะนั้นตนคิดว่าคุณพ่อ น่าจะเสียแล้วเพราะมือเริ่มเขียว โดยคนในครอบครัว 8 คน ประกอบด้วย ตนเอง ,คุณแม่ วัย 72,พี่ชายคนโต อายุ 56 ,พี่ชายคนกลาง อายุ 52 ,สามี อายุ 42, ลูกชายคนโต อายุ 20,ลูกสาว อายุ 18 ,ลูกชายคนเล็ก อายุ 12 ต่างพากันมาดู พยายามเรียกคุณพ่อเพื่อให้ได้สติ และช่วยกันติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ มาช่วยเหลือ

จนประสานทีมอาสากลุ่มเส้นด้าย มาช่วย แต่ไม่ทันเพราะคุณพ่อหยุดหายใจแล้ว อาสาเส้นด้ายใส่ชุด PPE พยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่ขึ้น ตัวเริ่มเย็น ซีดเหลือง ทุกคนในบ้านร้องไห้นั่งมองคุณตา สภาพใกล้หมดลมหายใจ หลานชายใช้มือตบหน้าเบา ๆ ส่งเสียงเรียก “ตา ตา” ขณะที่คุณสาวพยายามเรียก “เตี่ย เตี่ย” แต่เวลานั้นคุณตา ไม่มีตอบรับใด ๆแล้ว

จากนั้นทีมอาสาเส้นด้าย ทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี Rapid Antigen Test พบว่าคุณตา ติดเชื้อโควิด กลุ่มเส้นด้ายพยายามติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่ง ได้รับคำตอบว่าไม่รับเคส กระทั่งประสานได้โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อาสาเส้นด้ายจึงรีบนำตัวคุณตา ไปโรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นคุณตา สิ้นลมหายใจไปแล้ว พอไปถึงโรงพยาบาลฯ หมอตรวจหาเชื้ออีกครั้งก็พบว่าคุณตา ติดเชื้อโควิด

นางสุนันทา กล่าวว่า ตนแปลกใจคุณพ่อติดเชื้อโควิดได้อย่างไร ทั้งที่คุณพ่อไม่เคยออกจากบ้านเป็นปีแล้วตั้งแต่โควิดระบาด ตนห้ามไม่ให้คุณพ่อออกจากบ้าน คนในบ้านก็ไม่มีใครติดเชื้อ คาดว่าคุณพ่ออาจได้รับเชื้อจากการไปต่อคิวรอฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 15 ก.ค. หรือไม่

ขณะที่ลูกสาวผู้ตาย บอกว่า ยังไม่เห็นเอกสารยืนยันผลการตรวจโควิดจากโรงพยาบาล ทราบว่าคุณพ่อติดโควิดเนื่องจากโรงพยาบาลโทรมาแจ้ง “ที่มันรู้สึกแย่คือตนเองโทรขอความช่วยเหลือทุกที่ แต่ไม่มีใครประสานงานให้เลย จนลูกสะใภ้ติดต่อไปหาทีมอาสากลุ่มเส้นด้าย ทีมงานรีบมาช่วยทันที แม้ไม่ทันเพราะพ่อสิ้นลมไปแล้วแต่ก็ยังมา ตนแทบไม่อยากเชื่อว่าพ่อติดโควิดตาย”

ตอนนี้คนในครอบครัวทั้งหมด 8 คน ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปที่ไหนและยังไม่มีใครได้รับการตรวจหาเชื้อส่วนศพของคุณพ่อ ยังฝากไว้ที่โรงพยาบาล พวกตนไม่สามารถออกไปรับศพได้ ทำได้เพียงอยู่ในบ้านจุดธูปบอกดวงวิญญาณ นำข้าวต้มใส่ถ้วยวางไว้ให้คุณพ่อ เชื่อว่าดวงวิญญาณยังอยู่ในบ้าน โดยวันนี้ (27 ก.ค.) ญาติซึ่งอาศัยอยู่บ้านอีกหลัง จะรับร่างไปทำพิธีฌาปนกิจต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/L3knQnW6Hyc