กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงติดตามโครงการ รร.ตำรวจตระเวนชายแดน จ.นครพนม

สังคม

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงติดตามโครงการ รร.ตำรวจตระเวนชายแดน จ.นครพนม

โดย kodchaporn_j

23 ก.ค. 2564

64 views

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน โครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนตามพระราชดำริ ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ออนไลน์


วันนี้ เวลา 08.57 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ วังสระปทุม ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามพระราชดำริ โรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนคอนราดเฮงเค็ล อําเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์)


ซึ่งทรงติดตามการดำเนินงานของโรงเรียนนี้เป็น ครั้งที่ 7 และเป็นการทรงงานในโครงการของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ลำดับที่ 1,033 มีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 รับสนองพระราชดำริในการดูแล ซึ่งประสบผลสำเร็จดี นักเรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ พัฒนาการทางการศึกษาเติบโตสมวัย ปัจจุบันมีนักเรียน 67 คน


ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ปกติ เพราะหนึ่งชั้นปี มีนักเรียนประมาณ 8-10 คน อีกทั้งเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่พบผู้ติดเชื้อ คนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย นักเรียนมีภาชนะใช้รับประทานอาหาร เป็นของส่วนตัว


และเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลนาใน เข้าพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องเรียน และพื้นที่โดยรอบ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้าน พบว่ายังมีปัญหาด้านเอกสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ต้องการจัดตั้งกองทุนกลุ่มเลี้ยงโค-กระบือ ทั้งนี้ หน่วยงานในจังหวัด รับสนองพระราชดำริในการแก้ไข และดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี


ที่โรงเรียน มีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ 5 คน และมีการจัดการศึกษาแบบ online ซึ่งทรงห่วงเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่พบว่าสัญญาณในพื้นที่ชัดเจนดี จึงไม่เป็นปัญหา


ที่ห้องชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีการสาธิตการสอนวิชาสังคมศึกษา และวัฒนธรรม ฝึกให้นักเรียนอ่าน คิด วิเคราะห์ ส่วนห้องอนุบาล สาธิตการเรียนการสอน "สิ่งที่ได้จากพืช ผัก ผลไม้" ช่วยฝึกการพูด คิด สังเกตสี ที่โรงครัวได้ติดมุ้งลวดโดยรอบเพื่อป้องกันแมลง ผู้ประกอบอาหาร สวมหน้ากากอนามัย และรักษาความสะอาด เพื่อสุขาภิบาลที่ดี


กิจกรรมเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีพื้นที่กว่า 17 ไร่ ปลูกผักสวนครัว ผักเครือเถา ไม้ผล และเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ สามารถขยายผลสู่ชุมชนได้แล้ว กิจกรรมเด่นคือ เพาะเมล็ดงอก เป็นการต่อยอดแนวพระราชดำริ เรื่องการปลูกพืชระยะสั้นที่ทรงส่งเสริมไว้ และการปลูกผักสลัดแบบยกแคร่มุงหลังคา ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตเสียหาย


โดยมีชมรมศิษย์เก่าช่วยทำแปลงเกษตร ปัจจุบันตั้งเป็น "ศูนย์งอกงาม" พัฒนาการเพาะถั่วงอก ที่รดน้ำแบบอัตโนมัติ และเพาะเมล็ดทานตะวัน ซึ่งทรงชื่นชมทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกัน บางหน่วยงานช่วยงานมานานกว่า 40 ปี ช่วงนี้ อยากให้ช่วยเหลือชุมชนด้วย ให้ปลูกพืชกินได้ ถนอมอาหาร และจำหน่ายได้ ซึ่งต้องขอคำแนะนำจากทุกๆ ฝ่าย พยายามคิดหาช่องทางจัดจำหน่ายแบบ online


ด้านงานอาชีพ สอนปักสดึง ทําสลัดโรล และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่มีมาก ได้แก่ สับปะรด ทำเป็นข้าวเกรียบ กะหรี่ปั๊บ และน้ำสับปะรด ส่วนกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ปัจจุบันมี 5 ชุมชน มีสมาชิกกว่า 250 คน รวมกลุ่มช่วยเหลือกัน สามารถพัฒนาฝีมือ และจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน


โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาท และแนวทางในการพัฒนางาน หลายหน่วยงาน ที่ได้มาถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาโรงเรียน และชุมชน ทำให้ก้าวหน้าขึ้น และในส่วนชุมชน ที่มีปราชญ์ชุมชน ที่มีความรู้พิเศษ ในชุมชนอาจจะเห็นกันบ่อย เป็นของธรรมดา ไม่ได้สืบทอด ถ้าสูญหายไปจะน่าเสียดายไม่มีใครรู้ การเข้ามาสอนและส่งเสริมในโรงเรียน จะเป็นการสืบสาน รักษาและเผยแพร่ไม่ให้สูญหายได้


เวลา 13.06 น. เสด็จออก ณ ห้องประชุม วังสระปทุม ทรงติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามพระราชดำริ ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองดู่ อำเภอโพนสวรรค์ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์) นับเป็นครั้งที่ 7 ที่ทรงติดตามการดำเนินงานของโรงเรียนแห่งนี้ ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนแบบ On Hand ให้ตัวแทนหมู่บ้านมารับใบงานไปให้นักเรียน และครู ตชด.ออกเยี่ยมไปบ้าน พร้อมนำถุงพระราชทานที่มีเมล็ดพันธุ์พืช เครื่องอุปโภค บริโภค และสื่อการเรียนไปมอบให้แก่นักเรียน


ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้ดำเนินงานเสริมสร้างความรู้ในด้านวิชาการ เพื่อให้นักเรียนสามารถอ่านออก เขียนได้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยนครพนม จัดทำหลักสูตรและห้องเรียนอัจฉริยะ เพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนการสอนภาษาไทยอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาครูผู้สอน โดยเป็น 1 ใน 11 โรงเรียนนำร่องของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23


นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอาชีพ เป็นการเสริมสร้างกระบวนการทางความคิด เพื่อให้นักเรียนนำความรู้ไปสร้างรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว อาทิ การสอนทำผ้ามัดย้อม ที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมือ ความมีน้ำใจ และการทำงานเป็นทีม ให้กับเด็กชั้นอนุบาล ,การจัดตั้งกลุ่มงานอาชีพ การตัดเย็บกระเป๋าผ้าลายพื้นถิ่นอีสาน ที่ต่อยอดและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น การทอผ้ามุกของจังหวัดนครพนม


โดยมีนักเรียนทุกชั้นสนใจเข้าเป็นสมาชิก และนำผลิตภัณฑ์ อาทิ กระเป๋าผ้า หน้ากากผ้า และเสื้อคลุม จำหน่ายทางออนไลน์ ในปีการศึกษา 2563 มีสมาชิกทั้งนักเรียนปัจจุบัน ศิษย์เก่า และชาวบ้าน รวม 46 คน อีกทั้งยังมีวิสาหกิจชุมชนพืชผักสวนครัวตำบลนาคำ มาฝึกอบรมการทำ "ส้มผักเสี้ยน" เป็นการแปรรูปพืชผักสวนครัว จำหน่ายในชุมชน และการฝึกทำไม้กวาดรักษ์โลกด้วยขวดน้ำพลาสติก ส่วนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน สนับสนุนให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ กิจกรรมการปลูกพืช ประมง และปศุสัตว์ มีผลผลิตเพียงพอต่อการประกอบอาหารกลางวัน และจำหน่ายในร้านค้าสหกรณ์


ในการนี้ ทรงเปิดป้าย "อาคารเกษตรสิริสุข" ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรสร้างขึ้น เพื่อเป็นสถานที่ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ การจัดการผลผลิตหลังเก็บเกี่ยวจากแปลงเกษตร ฝึกแปรรูปและถนอมอาหาร ได้รับพระราชทานชื่ออาคาร ที่หมายถึงอาคาร ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความสุข และความเป็นมงคลด้านการเกษตร


พร้อมทั้งพระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญอักษรพระนามาภิไธย สธ.ประดิษฐานที่ป้ายชื่ออาคาร ภายในอาคาร ประกอบด้วย ห้องนิทรรศการ ประวัติโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ห้องจัดวางผลิตภัณฑ์ ห้องแปรรูปผลผลิต ซึ่งให้ชาวบ้านเข้ามาใช้ประโยชน์ และฝึกสอนนักเรียน


โดยมีกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองดู่ สอนแปรรูปสับปะรด อาทิ เค้กหน้านิ่มสับปะรด คุ้กกี้สับปะรด น้ำสับปะรด นอกจากนี้ยังมีกล้วยฉาบ วุ้นกรอบสมุนไพร และน้ำอัญชัญ อีกทั้งมีส่วนที่ใช้เป็นพื้นบรรจุผลผลิตจากแปลงเกษตร อาทิ ผักบุ้ง เพื่อให้ได้มาตรฐาน GAP ก่อนนำไปวางจำหน่าย


โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาทแก่ผู้ปฏิบัติงานว่า ได้เห็นถึงความก้าวหน้าของโรงเรียนมาตลอดระยะเวลา 30 ปี ถึงแม้จะอยู่ในเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ขอให้อดทนขยัน ดูแลสุขภาพอนามัยตัวเองให้ดี นักเรียนก็ขอให้ตั้งใจมีความพยายาม โรงเรียนและชุมชนก็ขอให้ร่วมมือกันในทุกๆด้าน


สำหรับ การติดตามโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามพระราชดำริ ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตลอดทั้ง 3 วัน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของ ศบค. อย่างเคร่งครัด

คุณอาจสนใจ