หดหู่ใจ 'ยายสนิท' วัย 92 ติดเชื้อนอนเฝ้าศพลูก ยังไม่รู้ว่าลูกสาวติดโควิดตาย

สังคม

หดหู่ใจ 'ยายสนิท' วัย 92 ติดเชื้อนอนเฝ้าศพลูก ยังไม่รู้ว่าลูกสาวติดโควิดตาย

โดย thichaphat_d

22 ก.ค. 2564

289 views

กรณีนางสนิท ยายวัย 92 ปี นั่งเฝ้าลูกสาว อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 โดยลูกสาวนอนอยู่กับพื้นภายในบ้านมีอาการแย่ลง คุณยายได้แต่นั่งมองลูกสาวสุดเวทนาทำอะไรไม่ได้ ทีมอาสากลุ่มเส้นด้าย นำออกซิเจนเข้าไปให้เพื่อต่อลมหายใจ วัดค่าออกซิเจนในเลือดตกลงไปถึง 78 ตัวคุณยาย ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ทางกลุ่มเส้นด้าย วางแผนจะเข้าไปช่วยเหลือพาลูกสาวที่ติดเชื้อไปเข้ารับการรักษา แต่ได้รับแจ้งว่าตัวลูกสาว ซึ่งนอนรออย่างมีความหวังได้เสียชีวิตแล้ว ภายในบ้านพักชุมชนบ่อฝรั่ง เขตจตุจักร กทม.


เมื่อวาน (21 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว คุณยายอยู่กับลูกสาวคนสุดท้อง วัย 57 ปี 2 คน โดยจะมีหลานของคุณยาย คอยส่งข้าวส่งน้ำ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ก.ค. คุณยาย มีอาการไม่สบาย เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 17 ประชานิเวศน์ ได้เข้ามาตรวจหาเชื้อให้กับคุณยายกับลูกสาว ผลตรวจออกวันที่ 20 ก.ค. เป็นบวกติดเชื้อโควิดทั้งคู่ ขณะที่ลูกสาววัย 57 ปี รายนี้ ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดัน แต่ไม่ได้รับการรักษา


ภายหลังที่ลูกสาวของคุณยาย เสียชีวิต กลุ่มอาสาเส้นด้าย ช่วยประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปเก็บร่าง และประสานรถเพื่อนำตัวคุณยาย ไปรักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัม เข้าไปดูภายในบ้านพบกับภาพที่น่าหดหู่ใจ ลูกสาวของคุณยายนอนเสียชีวิตบนพื้นในห้องนอนเดียวกับคุณยาย สายออกซิเจนยังติดคาอยู่ที่จมูก ซึ่งกลุ่มเส้นด้ายได้นำเครื่องผลิตออกซิเจนเข้ามาช่วยยืดลมหายใจ ในคืนก่อนที่ลูกสาวของคุณยาย จะสิ้นใจตาย


ส่วนคุณยาย นอนอยู่บนที่นอนกองกับพื้นข้าง ๆ ศพลูกสาว ทางกลุ่มเส้นด้าย ได้ถอดสายออกซิเจนจากตัวลูกสาว เปลี่ยนมาใส่ให้คุณยาย ขณะเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 17 ประชานิเวศน์ ทำการวัดความดันและวัดค่าออกซิเจนในเลือดให้กับคุณยาย 96-97 พยายามถามว่าดีขี้นมั้ย คุณยาย ตอบว่า “ไม่เป็นอะไร” เจ้าหน้าที่บอกกับยายว่า “เดี๋ยวจะเอารถมารับคุณยายไปรักษานะ ”


คุณยายได้แต่นอนนิ่ง ก่อนหน้านั้น 1 วัน เจ้าหน้าที่เข้ามาดูอาการ คุณยายพูดเสียงอ่อย ๆ ว่าเวียนศีรษะ เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขฯ ถามยายเป็นไข้มั้ย ยายตอบว่าไม่เป็น พร้อมบอกว่าถ้าแข็งแรงดีให้ยกมือชู 2 นิ้ว ยายหัวเราะและยกมือขึ้น เจ้าหน้าที่บอกยาย “สู้ ๆ นะ เดี๋ยวจะพาไปรักษา” ยายตอบกลับว่า “ไม่กลัวหรอกถึงเวลาก็ต้องตายทุกคน”


คุณยาย ดูแข็งแรง เจ้าหน้าที่พยายามพูดให้กำลังใจ “ยายเก่ง ๆ เดี๋ยวไปนอนโรงพยาบาลนะ ไปอยู่ใกล้คุณหมอ” ยายบอกว่าไปมาจนเบื่อแล้ว ถ้ารถมารับก็ต้องไป เมื่อถามว่ายายลุกไหวมั้ย คุณยาย ได้ลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองศพลูกสาวที่อยู่ข้าง ๆ ที่น่าหดหู่ใจอย่างยิ่ง คุณยายไม่รู้ว่าลูกสาวของตัวเองเสียชีวิตแล้ว


คุณยายลุก พยายามเอื้อมมือไปจับเท้าลูกสาว ถามเจ้าหน้าที่ว่า “ลูกนอนอยู่นี่จะทำยังไง ต้องเอาไปด้วยมั้ย” เจ้าหน้าที่บอกว่าลูกสาวนอนหลับอยู่เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล เดี๋ยวให้ยายไปก่อนแล้วจะมารับลูกสาวไปรักษาด้วย เพื่อไม่ให้คุณยายรู้สึกสะเทือนจิตใจ คุณยายถามย้ำอีกว่า “เดี๋ยวหมอมาเอาไปลูกไปเหรอ”


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฯ เผยว่า ก่อนหน้าที่ยังไม่ทราบผลตรวจ ได้เข้ามาวัดค่าออกซิเจนในเลือดให้กับลูกสาวของคุณยายตกลงไปถึง 78 หลังทราบผลว่าทั้งคู่ติดเชื้อโควิดก็ได้เข้ามาประเมินอาการคุณยายและลูกสาวต่อเนื่อง ช่วยกันหลายฝ่ายประสานเรื่องเตียง ก่อนที่ลูกสาวจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา


ขณะที่อาสากลุ่มเส้นด้าย เผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ทางกลุ่มได้รับการประสานจากประธานชุมชนแจ้งว่าคุณยายหายใจรวยริน จึงได้นำถังออกซิเจนเขามาช่วย วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว 70 กว่า ๆ ประเมินว่าถังออกซิเจนอาจไม่เพียงพอถึงเช้า จึงกลับไปเอาเครื่องผลิตออกซิเจนตอน 4 ทุ่ม มาใส่ให้คุณยายกับลูกสาว กะว่าเช้าวันที่ 21 ก.ค. จะหาเตียงให้คุณยายกับลูกสาว ก่อนที่ญาติจะโทรมาแจ้งว่าลูกสาวของคุณยาย เสียชีวิตแล้ว


นอกจากนี้ได้ประสานรถเพื่อนำตัวคุณยายส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัม เพราะหากปล่อยไว้อาการจะแย่ลง “มันหดหู่มาก ผมคิดว่าออกซิเจนที่นำมาตอนกลางคืนจะช่วยประทังชีวิตจนถึงเช้า และทางกลุ่มจะเข้ามาดำเนินการหาเตียงแต่มันไม่ทันแล้ว ตนเข้าไปดูยายยังไม่รู้ว่าลูกตัวเองตาย ยายพูดว่าดูลูกฉันหน่อย ลูกเป็นอะไรนอนตัวแข็ง ๆ ทำไมไม่ขยับตัว ” ต้องรีบพาคุณยาย ไปรักษาก่อน ถึงจะเก็บศพได้เพราะจะสะเทือนใจคุณยาย


ด้านนางรุ่งทิวา (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี หลานสาวของคุณยาย ซึ่งเป็นคนคอยส่งข้าวส่งน้ำไปเยี่ยมอาการยาย เผยว่า คุณยายจะอาศัยอยู่ในบ้านกับลูกสาวคนสุดท้อง 2 คน มาตลอด โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนคุณยายมีอาการเป็นไข้หวัด ตนจึงนำยาไปให้ยายกิน ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ายายติดโควิด มาทราบภายหลังที่ตรวจหาเชื้อแล้ว ว่าทั้งคู่ติดเชื้อ คาดว่าได้รับเชื้อจากหลานอีกคนซึ่งอยู่ที่นนทบุรีซึ่งติดโควิด ได้มาเยี่ยมคุณยาย


ตนส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน ลูกสาววัย 57 ปี ของคุณยายไม่ค่อยกินอะไรบอกว่าตนเองเวียนศีรษะ หายใจติดขัด ลุกขึ้นนั่งไม่ได้ 2 อาทิตย์ กินข้าวกินกินยาก็อาเจียนออกมา ก่อนจะทราบผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด ตนสังเกตเห็นสภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว คุณยายก็พยายามเรียกลูกสาวให้ลุกมากินข้าว แต่ลูกสาวลุกไม่ไหว


นางรุ่งทิวา ร่ำไห้บอกว่า “เสียใจที่ช่วยเขาไม่ได้ เราทำเต็มที่แล้ว รู้สึกสงสาร ก่อนหน้านี้ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ แต่ไม่มีเตียง โทรตลอด โทรไปทีไรก็บอกว่าไม่มีเตียงรับ ไม่มีเตียง เสียใจไม่มีคนรับรักษา โทรไปโรงพยาบาลก็บอกว่าเตียงเต็ม ถ้าได้สถานที่รับรักษา ลูกสาวคนสุดท้องของคุณยายอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ ผู้ป่วยวิกฤติก็ควรรีบส่งรถมารับ ได้แต่รออย่างเดียว สุดท้ายก็รอไม่ไหว ตอนนี้สงสารยายอยากให้ได้รับการรักษา อยากให้คุณยายหาย”


ทั้งนี้แม่ของตน ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของคุณยาย ก็ติดเชื้อโควิดเช่นกัน คาดว่ารับเชื้อมาจากคุณยาย แรก ๆ คุณแม่เป็นหวัดมีน้ำมูก ไอ ตนจึงพาไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ทราบผลเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ว่าคุณแม่ติดโควิด ขณะนี้คนในบ้านต้องกักตัวทุกคนเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ


สำหรับคุณยายสนิท ทันทีที่ประสานรถได้แล้ว กู้ภัยเอกชน ได้นำรถพยาบาลมารับ เจ้าหน้าที่เข็นเตียงเข้าไปรับตัวคุณยาย ออกมาจากบ้าน จนท.กู้ภัยที่เข้าไปอุ้มยายออกมาจากห้องนอนเห็นภาพหดหู่ใจถึงกับกลั่นน้ำตาไม่อยู่ ชาวบ้านละแวกนั้นตะโกนบอก “ยายสู้ ๆ หายไวนะ”


ขณะที่หลานชายส่งเสียงบอก “ยายเข้มแข็งไว้เดี๋ยวก็หาย จะไปรับกลับนะ” ซึ่งระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ยายยังห่วงถามหาลูกสาวตลอดทาง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/IwrEp-WQuLo

คุณอาจสนใจ