สธ. ลงนามสั่งซื้อ 'ไฟเซอร์' 20 ล้านโดส เปิดแผนจัดหาวัคซีน 6 รายเพิ่ม 120 ล้านโดส ปี 65

สังคม

สธ. ลงนามสั่งซื้อ 'ไฟเซอร์' 20 ล้านโดส เปิดแผนจัดหาวัคซีน 6 รายเพิ่ม 120 ล้านโดส ปี 65

โดย thichaphat_d

21 ก.ค. 2564

24 views

เมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยานการลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ระหว่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ Ms.Deborah Seifert ผู้จัดการบริษัท Pfizer ประเทศไทยและอินโดไชน่า เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดส


นายอนุทินกล่าวว่า ไทยได้ทำงานร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้อตกลงร่วมกัน ในการจัดหาวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์มาให้คนไทย พร้อมมั่นใจว่า วัคซีนที่สั่งซื้อจะนำเข้ามาภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ตามข้อตกลงในสัญญา (คาดว่าเดือนตุลาคม)


นายอนุทิน กล่าวถึง วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดสว่า มาถึงไทยในปลายเดือนนี้ เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ผู้สูงอายุ และกลุ่มอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ไทยมีแผนสั่งซื้อไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 50 ล้านโดสในปีหน้า


สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ได้ขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขจากอย. เป็นรายที่ 6 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา /โดยแผนการฉีด 2 เข็ม โดยเข็มแรกและเข็ม 2 ห่างกัน 21 วัน ทั้งนี้ได้ให้ใช้ฉีดสำหรับอายุ 12 ปีขึ้นไป


นอกจากนี้ ส่วนปี 2565 จะหามาเพิ่มเติมต่อไป ตอนนี้ภาพรวมเราลงนามสัญญากับแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส จัดหาซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์ 20 ล้านโดส จะมีวัคซีนที่จองซื้อและส่งมอบกันตามสัญญา 100 ล้านโดสในปี 2564 แต่ความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนมีจำนวนมาก สธ.จะจัดหามาเพิ่มเติม หากมีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบต่อไป


เมื่อถามถึงกรณีตัวเลข รพ.เอกชนและสถานเสริมความงามส่งรายชื่อบุคลากรจำนวนมาก เพื่อขอการจัดสรรวัคซีน นพ.โอภาส กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส จะมาถึงไทยปลายเดือนนี้ โดยจะเริ่มต้นฉีดได้ช่วงเดือนส.ค. ในการจัดสรรฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่ง สธ.และความเห็นชอบจาก ศบค. กำหนดดังนี้ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด หรือผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกันที่ฉีดไปแล้ว 2 เข็ม จะมีการกระตุ้นเข็ม 3 หรือ บูสเตอร์โดส 2.กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด


3. ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด เป็นต้น ในขั้นตอนการจัดการ สธ.ได้สอบถามข้อมูลให้แต่ละจังหวัดแจ้งยอดมาว่า ในจังหวัดมีกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ทำงานใกล้ชิดและเสี่ยงติดเชื้อจากการทำงานให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูล


ดังนั้น ข่าวที่ว่า มีหลาย รพ.ส่งข้อมูลไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เราจะมีการสอบทานเพื่อให้ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เราจะฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าเป็นอันดับแรกก่อน ดังนั้น บางหน่วยงานที่ไม่เข้าใจและส่งยอดผิดจะไม่จัดสรรตามนั้น จะเป็นหน้าที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบข้อมูลและแจ้งมายังส่วนกลางต่อไป


และวัคซีนโมเดอร์นา จะทำหนังสือลงนามกับบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด วันที่ 23 ก.ค. 64 และส่งมอบไตรมาสที่ 4 ของ 64 และไตรมาส 1 ของปี 65 


นอกจากนี้ หลังการหารือ ร่วมผู้แทนผู้นำเข้าวัคซีน 6 ราย วานนี้ (20 ก.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดแถลงข่าว ชี้แจงสื่อมวลชน ผ่าน ระบบ ZOOM ระบุว่า ทั้ง 6 บริษัทนำเข้าวัคซีน ที่ผ่านการอนุญาตการขอขึ้นทะเบียนกับทาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. โดยหารือเบื้องต้น จะเป็นการพูดคุยในเรื่องของการจัดหาวัคซีนโควิดเพิ่มเติม ในทุกรูปแบบการผลิต ทั้ง ชนิดเชื้อตาย ไวรัสเวกเตอร์ mRNA ประกอบด้วย




ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งความต้องการวัคซีน 120 ล้านโดส ในปี 2565 และเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่รองรับการกลายพันธุ์ได้ ซึ่งผู้แทนวัคซีนทั้ง 6 ราย ได้รายงานความก้าวหน้าในวัคซีนที่ตัวเองรับผิดชอบ โดยเฉพาะการพัฒนาปรับปรุงวัคซีนรุ่นต่อไปให้มีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์ได้มากขึ้น และระบบการซัพพลายมีแนวโน้มเป็นอย่างไร จะจัดหาได้ในช่วงไหน จำนวนที่จะเจรจาซื้อขายได้ในปี 2565 รวมถึงทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนรูปแบบใหม่


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/MlNu0UxZbGA


คุณอาจสนใจ

Related News