กลุ่มเยาวชนปลดแอกนัดชุมนุมครบ 1 ปีขับไล่รัฐบาล รวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง ก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมเป็นระยะ ก่อนที่มวลชนชุดสุดท้ายจุดพลุไฟที่แยกอุรุพงษ์ และสลายตัวก่อนเวลาเคอร์ฟิว

โดยมวลชนกลุ่มสุดท้าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ขี่รถมอเตอร์ไซต์ ได้สลายตัวออกไปในเวลา 20.40 นาที ที่แยกอุรุพงษ์ หลังจากจุดพลุไฟและปะทัด ทำให้ตำรวจต้องเข้ากระชบพื้นที่ เพื่อให้ถอยล่นออกไปก่อนเวลาเคอร์ฟิว 21.00 น. เป็นการเสร็จสิ้นการชุมนุมในวันนี้

ซึ่งก่อนหน้านั้น ในเวลา 18.30 น. กลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้มีการประกาศยุติการชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ยังคงพบผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งที่บริเวณแยกนางเลิ้ง และถนนพิษณุโลก ซึ่งตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาเข้าควบคุมพื้นที่ กระทั่งเวลา 20.00 น. ที่ผู้ชุมนุมมีการถอยล่นออกไป

การชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เริ่มต้นนัดหมายกันในเวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังทำเนียบรัฐบาล เนื่องในวันครบรอบ 1 ปี การนัดชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ ฟรียูธ (Free Youth) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.63

โดยการนัดชุมนุมวันนี้ มีการเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข, ลดงบสถาบันและกองทัพ เพื่อกู้วิกฤตโควิด-19 และนำเข้าวัคซีน mRNA เปลี่ยนจากข้อเรียกร้องเดิมเมื่อปีที่แล้วคือ ให้รัฐบาลยุบสภา, หยุดคุกคามประชาชน และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

ทั้งนี้ ขณะเคลือนขบวน ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่มีการตั้งจุดสกัด บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และในช่วงเวลา 16.00 น. เกิดเหตุปะทะกัน ขณะที่ผู้ชุมนุมพยายามรื้อสิ่งกีดขวาง ทางฝั่งเจ้าหน้าที่มีการใช้กระสุนยาง และแก๊สน้ำตา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ

หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนผ่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยใช้ถนนนครสวรรค์ เมื่อมาถึงแยกนางเลิ้ง ได้มุ่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแนวสกัด พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ และตำรวจปราบจราจล ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาอีกครั้ง ทำให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาเจ็บจำนวนมาก

ในขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. ชี้แจงขั้นตอนการแฏิบัติงานในวันนี้ โดยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการสลายชุมนุม เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ และยืนยันว่าการชุมนุมในวันนี้ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อปีที่แล้ว ทำให้เกิดการชุมนุมของกลุ่มขบวนการนักศึกษา และประชาชนในหลายหลายกลุ่ม โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย 712 คน ใน 392 คดี ซึ่งถูกดำเนินคดี ม.112 อย่างน้อย 110 คน, ข้อหายุยงปุกปั่น ม.116 อย่างน้อย 104 คน, ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างน้อย 501 คน