หลังจากที่ ประธานบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ปได้ เปิดเผยว่าเตรียมเซ็นสัญญานำเข้าวัคซีนทางเลือก และไฟเซอร์เข้ามา 20 ล้านโดส และยืนยันว่า จะนำเข้ามาล็อตแรก 5 ล้านโดสปลายเดือนนี้ ทำให้เกิดคำถาม ถึงขั้นตอน วิธีการ และหน่วยงานที่ดำเนินการนำเข้าวัคซีนให้กับโรงพยาบาลเอกชนรายนี้ เพราะที่ผ่านมาการนำเข้าวัคซีนไม่ว่าวัคซีนหลักหรือวัคซีนทางเลือกจะเป็นการดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ หรือหากเป็นความต้องการของเอกชนก็ต้องดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐเช่นกัน ทั้งการตรวจคุณภาพและขึ้นทะเบียนก่อนนำเข้าได้ ทำให้หลายฝ่ายจับตาไปที่ผู้อยู่เบื้องหลังดีลวัคซีนล็อตนี้ ว่าเป็นหน่วยงานใด แต่ก็มีปฏิกิริยาจากตลาดหลักทรัพย์ คือ ราคาหุ้นขยับมาบวก จนทางตลาดหลักทรัพย์ออกมาเตือน แต่ทางธนบุรีเฮลท์แคร์ฯก็ส่งเอกสารกลับไปยืนยัน

โดยมีหนังสือชี้แจงของบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ THG ชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงการสั่งซื้อและนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA จากบิออนเทค และโนวาแวกซ์ จำนวน 20 ล้านโดส นี่เป็นหลักฐานที่น่าจะมีความชัดเจนที่สุด ว่าเอกชนรายนี้มีการตกลงซื้อวัคซีนดังกล่าวจริงหรือไม่

ซึ่งสอดคล้องกับคำยืนยันของนายแพทย์บุญ วนาสิน เมื่อวานนี้ถึงไทม์ไลน์การจัดซื้อดังกล่าว แต่ไม่ระบุว่าดำเนินการผ่านหน่วยงานใด นี่จึงเป็นคำถามว่าวัคซีนล็อตนี้จะมีหน่วยงานใดเข้ามาเป็นหน่วยงานกลางสั่งซื้อให้กันแน่

วัคซีนทุกยี่ห้อยังถือเป็นการขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉินทั้งสิ้น การเจรจาจึงเป็นระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้น บริษัทผู้ผลิตจะไม่เจรจากับเอกชน ในกรณีเกิดข้อผิดพลาดจากการใช้วัคซีนชนิดนั้นๆ

มีเพียง 5 หน่วยงานที่มีอำนาจ คือ กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย และ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 00000000ขณะที่การจัดหาวัคซีนทางเลือกจากภาคเอกชน จำเป็นต้องได้รับการรับรอง หรือสั่งจองจากตัวแทนของภาครัฐเท่านั้น ขณะเดียวกันบริษัทนำเข้าจะต้องผ่านการรับรองจาก อย. และ ขึ้นทะเบียนวัคซีนอีกครั้ง

ในส่วนนี้จึงมีคำถามขึ้นมาว่าการลงนามจัดซื้อไฟเซอร์ของบิออนเทค เยอรมัน และ โนวาแวกซ์ ตามที่นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการบริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวอ้างจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่

หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติให้กรมควบคุมโรคสามารถลงนามจัดซื้อวัคซีนผ่านไฟเซอร์ประเทศไทยจำกัด เพื่อมาเป็นวัคซีนหลักจำนวน 20 ล้านโดส กำหนดเซ็นสัญญาภายในระยะเวลา 1 เดือน หากบริษัทผู้ผลิตยินยอมให้มีตัวแทนเจรจาเพิ่มจำเป็นต้องขออนุญาตจากอย.ก่อน

กรณีการนำเข้าที่ไม่ผ่าน อย. คือ กรณีเร่งด่วน ตามพระราชบัญญัติยาก็จะมีเพียง 5 หน่วยงานในข้างต้นที่มีอำนาจเข้าเจรจา แต่จากการที่ทีมข่าวสอบถามยังไม่มีที่ใดยืนยันในข้อเท็จจริงนี้

กรณีมาจากโรงงานผลิตคนละแห่งกับของไฟเซอร์ที่ขออนุญาตเข้ามาก่อนหน้า ก็ต้องมีการพิจารณารับรองจากอย.อีกครั้ง

ทางทีมข่าว จึงสอบถามเข้าไปยังเลขาธิการและ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงนี้ ซึ่งทั้งสองระบุว่าไม่สะดวก ที่จะตอบคำถาม จึงได้ถามไปยัง นายแพทย์บุญ วนาสิน อีกครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เนื่องจากถูกเตือนจากตลาดหลักทรัพย์ที่อาจมีผลต่อราคาหุ้น แต่จะให้ทนายความตอบคำถามแทน แต่เมื่อติดต่อไปก็ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน

ทำให้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดให้ความชัดเจนถึงการนำเข้าดีลวัคซีนดังกล่าวได้ แต่หากคำยืนยันของ นายแพทย์บุญ เป็นตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้จริง นั่นหมายความว่า ภายใน 2 วัน การเซ็นสัญญาก็จะเกิดขึ้น และความชัดเจนว่าวัคซีนไฟเซอร์ 5 ล้านโดสแรก ที่นำเข้าโดยเอกชน ก็จะมาถึงไทยในปลายเดือนนี้ และคำถามที่ว่าใครคือผู้ดำเนินการให้ก็จะปรากฏตัวออกมา