หมอยง แนะฉีดวัคซีน 3 เข็ม กระตุ้นภูมิให้สูงขึ้น และร่นเวลาฉีดแอสตร้าเซนเนกาเข็ม 2 ให้เร็วขึ้น ป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดียกลายพันธุ์ในอีกไม่กี่เดือนนี้

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสตฺเฟสบุ๊คส่วนตัว เรื่อง "วัคซีนโควิด 19 กับการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์" หลังพบว่า ไวรัสจะได้กลายพันธุ์ เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเดิมทีวัคซีนส่วนใหญ่ทั้งหมด จะพัฒนาจากสายพันธุ์เดิมคือ สายพันธุ์อู่ฮั่น ขณะที่สายพันธุ์อังกฤษยังไม่หลบหลีกประสิทธิภาพของวัคซีนมากนัก สายพันธุ์แอฟริกาใต้หลบหลีกได้มาก

หมอยง บอกว่า เดิมเชื้อในไทยเป็นสายพันธุ์ G และก็โดนสายพันธุ์อังกฤษ (Alpha) ระบาดใหญ่เข้ามา ทำให้ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ล่าสุดขณะนี้ไทยเริ่มมีสายพันธุ์อินเดีย (Delta) เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น เข้ามาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในประเทศไทยอย่างแน่นอนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ดังนั้น สายพันธุ์เดลต้า ต้องการระดับภูมิต้านทานของวัคซีนที่สูง ในการป้องกัน

พร้อมยกตัวอย่าง ผลศึกษาในสกอตแลนด์ ถ้าเปรียบเทียบวัคซีนฉีด 2 เข็ม ระหว่างไฟเซอร์กับแอสตร้าเซนเนกา หลังฉีด หลัง 28 วันไปแล้ว จะสามารถป้องกันโรคสายพันธุ์อินเดียได้ต้องใช้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าสายพันธุ์อังกฤษ เพราะ สายพันธุ์อินเดีย มีอํานาจการกระจายสูง และหลบหลีกภูมิต้านทานได้ แต่น้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้

ดังนั้นการให้วัคซีนเข็ม 2 เข้ามาเร็วขึ้น ของ AstraZeneca จะมีประโยชน์ในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า ถ้ามีการระบาดของสายพันธุ์นี้เกิดขึ้น และมีแนวโน้มการป้องกันจะลดลง แต่ก็ยังช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และในทำนองเดียวกันวัคซีน ที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้น้อยกว่า ก็คงจะต้องใช้การกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ระดับภูมิต้านทานสูงขึ้น เพื่อป้องกันสายพันธุ์เดลต้า จนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนใหม่ให้ตรงกับสายพันธุ์ ที่มีการระบาด

เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงทุกปี ประเทศไทยจำเป็นต้องเฝ้าระวังดูสายพันธุ์ที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร และป้องกันไม่ให้สายพันธุ์เดลต้าระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพื่อรอจำนวนวัคซีนที่จะมา หรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัคซีนในอนาคต ให้ตรงและจำเพาะกับสายพันธุ์

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/PkInqj5GK-s