สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ กลับมาเพิ่มสูงขึ้นเกิน3,000 คน อีกครั้ง ขณะที่กรุงเทพมหานคร ก็ยังคงพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอีก 2 คลัสเตอร์ใหม่ ทำให้ขณะนี้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่เฝ้าระวังเพิ่มขึ้นเป็น 80 แห่งแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 29 คน

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 12 มิถุนายน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,277 คน มาจากระบบเฝ้าระวัง 1,770 คน มาจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 586 คน จากเรือนจำที่ต้องขัง 892 คน และจากต่างประเทศ 29 คน ทำให้ยอดสะสมรวม 164,242 คน เสียชีวิตเพิ่ม 29 คน รวม 1,337 คน หายป่วย 5,273 คนรวม 122,845 คน ยังรักษาตัว 41,403 คน อาการหนัก 1,242 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 362 คน

ส่วนผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ มาจากกัมพูชา 19 คน จำนวนนี้ลักลอบเข้าผ่านช่องทางธรรมชาติ 2 คนเป็นคนไทย ลักลอบเข้ามาจากมาเลเซียอีก 1 คน ภาพรวมการจับกุมลักลอบเข้าเมืองในรอบ 24 ชั่วโมงจำนวน 256 คน เป็นเมียนมา 106 คน ,กัมพูชา 47คน และ ลาว 16 คน

ในพื้นที่กทม.ล่าสุดพบอีก 2 คลัสเตอร์ใหม่ คือ เขตวัฒนา ที่แคมป์คนงาน JWS และ เขตจตุจักร ที่แคมป์คนงานทีฆา ทำให้ขณะนี้มีจุดเฝ้าระวังการแพร่ระบาดกระจายรวม 80 คลัสเตอร์

ส่วนในพื้นที่ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่น่าจับตา เช่น สมุทรปราการ ที่โรงงานผลิตและจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูป อ.บางเสาธง ติดเชื้อแล้ว 5 คน / ปทุมธานี ที่ บริษัทอะลูมิเนียม อ.คลองหลวง ติดเชื้อแล้ว 8 คน / สมุทรสาคร พบ 2 คลัสเตอร์ใหม่ ที่ โรงงานลูกชิ้น อ.เมือง ติดเชื้อแล้ว 20 คน และ โรงงานขนม อ.กระทุ่มแบน ติดเชื้อแล้ว 45 คน / เพชรบุรี ที่ตลาดสด อ.เมือง ติดเชื้อแล้ว 9 คน / กำแพงเพชร กรณีสัมผัสกันในชุมชน อ.เมือง ติดเชื้อแล้ว 25 คน / จันทบุรี ที่ตลาดผลไม้เนินสูง อ.ท่าใหม่ ติดเชื้อแล้ว 6 คนและ ฉะเชิงเทรา เป็นค่ายทหาร พื้นที่อ.เมือง ติดเชื้อแล้ว 7 คน

ล่าสุดเมื่อ 20.00 น. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์เฟชบุ๊ค ระบุว่า ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. จึงเห็นว่าข้อเสนอของกรุงเทพมหานคร ในการขอผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคสำหรับสถานที่ 5 ประเภทในเขตกรุงเทพมหานคร ที่เคยขอมาก่อนนั้น สามารถให้มีการผ่อนคลายได้ตามเงื่อนไขที่ขอมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประกอบกับที่มีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯเริ่มได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนพอสมควร โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ซึ่ง 5 ประเภทดังกล่าวประกอบด้วย

- พิพิธภัณฑ์ และโบราณสถานต่างๆ

- สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ

- คลินิกเสริมความงาม

- สถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ (อนุญาตเฉพาะนวดฝ่าเท้า)

- ร้านทำเล็บและร้านสัก โดยการผ่อนคลายนี้จะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป