แก๊งหลอกขายถุงมือแพทย์ บุกข่มขู่พยาน ซึ่งเป็นอดีตพระเอก ขณะเข้าให้ปากคำกับตำรวจบนโรงพัก ต่อหน้าตำรวจ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย

กล้องวงจรปิดบน สภ.บางศรีเมือง เผยให้เห็นเหตุการณ์ ขณะนายพนาสูณย์ เดชพรัมมินทร์ หรือ สตางค์ อดีตพระเอก พร้อมแฟนสาว เข้าไปให้ปากคำในฐานะพยานคดีหลอกขายถุงมือแพทย์ จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ชาย 2 หญิง 1 บุกขึ้นมาบนโรงพัก จากนั้นผู้หญิงได้ชี้หน้าต่อว่า ข่มขู่ ด่าทอ จนดาราหนุ่มต้องไปหลบหลังตำรวจ

โดยชายอีก 2 คน เดินเข้ามาสมทบ แม้ตำรวจจะเข้าห้ามปราม และเชิญให้ออกจากห้องสอบสวน แต่หญิงคนดังกล่าวไม่สนใจ พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพตำรวจ และก่อนที่จะแยกย้าย ผู้ชายเสื้อสีส้ม ยังยกมือชี้หน้าดาราหนุ่ม พร้อมทำท่าปาดคอ พูดข่มขู่ให้ระวังชีวิตไว้ให้ดี ต่อหน้าตำรวจ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นายพนาสูณย์ เล่าว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากตนเองมาให้ปากคำ เป็นพยานให้กับผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนกัน 2 คน ที่ได้สั่งซื้อถุงมือแพทย์จากนายเทพ ซึ่งเป็นลูกน้องของนางฉิน ที่อ้างตัวเป็นทนายความ โดยเพื่อนทั้ง 2 คน ได้โอนเงินให้แก๊งของนายเทพ ไปคนละ 3 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท แต่สุดท้ายกับไม่มีของตามที่อ้างไว้ จากนั้นได้พยายามทวงถามหลายครั้ง สุดท้ายรู้ว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งความเอาเรื่องกลุ่มนายเทพ และนางฉิน

ต่อมานางฉิน ทราบว่า ตนเองมาให้ปากคำ เป็นพยานให้ผู้เสียหาย จึงบุกมาข่มขู่ตามภาพจากกล้องวงจรปิด โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้จะออกจากห้องสอบสวนไป ก็ยังไปยืนรอหน้าโรงพักไม่ยอมกลับ จนตำรวจต้องคุ้มกันพาตัวส่งกลับบ้าน

ส่วนในวันนี้ได้มาพบตำรวจอีกครั้ง เพื่อมาเรียกร้องความเป็นธรรมหลังจากถูกขู่ฆ่า ทำให้ทุกวันนี้ตนใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว เพราะคู่กรณีอ้างว่ามีผู้ใหญ่หนุนหลัง ซึ่งตนเองตั้งใจสั่งสินค้ามาทำมาหากิน กลับถูกขู่ฆ่า นอกจากนี้อยากรู้ความจริง ว่าสินค้าที่อ้างว่ามีประมาณ 50 ล้านแพค มีจริงหรือไม่และอยู่ที่ไหน

ขณะที่ แฟนสาวของนายพนาสูณย์ บอกว่า ความเสียหายตอนนี้ประเมินราคาไม่ได้ อยากให้คู่กรณีออกมาชี้แจงความจริง และนำหลักฐานมาดูให้ชัดเจน และอย่ามาข่มขู่กัน ถ้าจะเข้ามาไกล่เกลี่ย ขอไกล่เกลี่ยบนชั้นศาลเท่านั้น

ด้านนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายจิตอาสา กล่าวว่า คดีนี้ไม่หนักใจ เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องทำตามกฎหมาย หลักฐานชัดเจนต่อหน้าขนาดนี้ ถ้าตำรวจอยากปกป้องศักดิ์ศรี ปกป้องเกียรติของตนเอง ก็ต้องดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ตนจะร้องไปที่สภาทนายความ ว่าคู่กรณีเป็นทนายความจริงหรือไม่