‘พิธา’ ปราศรัยทุ่งใหญ่ หวังสร้างการเมืองประชาธิปไตย ‘หญิงหน่อย’ ลั่นยอมเป็นฝ่ายค้าน ไม่จับขั้วเผด็จการเป็นรัฐบาล

‘พิธา’ ปราศรัยทุ่งใหญ่ หวังสร้าง การเมืองประชาธิปไตย ด้าน ‘หญิงหน่อย’ยอมเป็นฝ่ายค้าน  เชื่อประเทศวิกฤตแน่ หากสองขั้วเดิมชนะเลือกตั้ง


วานนี้ (10 มี.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเปิดวงน้ำชา ณ ร้านโกปิ้ ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง หรือ สภากาแฟ นอกจากนี้ ยังมีนายปกรณ์ อารีย์กุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 ร่วมเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนด้วย


นายพิธา สวมชุดพื้นเมืองปาเต๊ะ กล่าวกับพี่น้องประชาชน ว่า ต้องการเห็นนครศรีธรรมราช ที่เป็น “เมืองรอง” ให้กลายเป็นเมืองที่ต้องมา “ลอง” เนื่องจากเป็นเมืองที่มีครบทั้ง 3 ธรรม ทั้งธรรมะ ธรรมชาติ และธรรมดา เป็นเมืองที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองในอดีต สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าสามารถยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ดีกว่านี้ได้ ตนมั่นใจในตัวผู้สมัครทั้ง 10 คน 10 เขต ที่พรรคก้าวไกลส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนเมืองคอนให้ดีได้กว่านี้ได้


จากนั้นมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสอบถาม โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น


จากนั้นนายพิธาและคณะได้เดินทางต่อไปที่อำเภอทุ่งใหญ่ เพื่อปราศรัยหาเสียงสนับสนุนนายพุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช (อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอบางขัน อำเภอนาบอน อำเภอถ้ำพรรณรา) พรรคก้าวไกล บริเวณหน้าตลาดนัดขวัญนารา และเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชน บริเวณศูนย์ประสานงานพรรค


นายพิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องการเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อใช้อำนาจรัฐทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต สำหรับการเมืองดี ที่ผ่านมาประเทศไทยมีความขัดแย้งและความสูญเสีย หลายคนอาจคิดว่าเป็นไม่ได้ที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ แต่ตนขอยกตัวอย่างประเทศรวันดาที่เคยมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนนับล้านเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำไมสังคมของเขาจึงกลับมาปรองดองสมานฉันท์กันได้ไม่ได้เป็นเพราะการขอให้สังคมลืมและปล่อยคนผิดไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำ แต่การเมืองจะดีได้ จุดเริ่มต้นสำคัญคือต้องไม่มีวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด และต้องตามหาความจริงที่ทุกฝ่ายยอมรับเพื่อคืนความยุติธรรมก่อน หากไม่ทำเช่นนี้ การปรองดองไม่สามารถเกิดขึ้น ประเทศไทยเดินหน้าต่อไม่ได้


นอกจากนั้น การเมืองจะดีได้ พรรคก้าวไกลย้ำมาตลอดว่าต้องเอาทหารออกจากการเมือง ทลายทุนผูกขาด และกระจายอำนาจ ให้นครศรีธรรมราชปลดปล่อยศักยภาพของตัวเอง เจริญเติบโตโดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของส่วนกลาง แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้ถ้าประเทศเรายังไม่มีประชาธิปไตยเต็มใบ ยังอยู่ในวงจรอุบาทว์รัฐประหาร ยังมีรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ ส.ว.จากการแต่งตั้งของ คสช. มาเลือกนายกฯ ที่ผ่านมาเปรียบเสมือนเรากำลังหัดขี่จักรยาน กำลังจะขี่เป็นขี่คล่อง แล้วก็มีคนถีบจักรยานเราจนคว่ำ การพัฒนาประชาธิปไตยจึงไม่ต่อเนื่อง


นายพิธายังย้ำเป้าหมายของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่ามี 3 เรื่องคือ 1. ได้คะแนนเสียงมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ 6.3 ล้านเสียง 2. มี ส.ส.เขต มากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 3. มี ส.ส.เขต ในทุกภูมิภาค รวมถึงภาคใต้


 “แม้คนอื่นมองว่าพุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ว่าที่ผู้สมัคร อ.ทุ่งใหญ่ เป็นม้านอกสายตา แต่เรามองว่าเขาคือม้ามืดที่เชียร์ขึ้น เป็นคนรุ่นใหม่ใจใหญ่ ต่อสู้ให้พี่น้องชาวทุ่งใหญ่ได้แน่นอน และขออย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าเราสุดโต่ง บอกว่าเราจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เพราะสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการ คือการเมืองประชาธิปไตยแบบปกติเท่านั้นเอง” นายพิธากล่าว

 นายพิธากล่าวปิดท้าย ด้วยการขอบคุณและปลุกใจทีมงานพรรค ซึ่งได้รับเสียงปรบมือตอบกลับท่วมท้นว่า ต้องขอขอบคุณทีมงานของพรรคก้าวไกลทั้ง 200 คน ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งในพื้นที่ ทำให้แต่ละครั้งที่มานครศรีธรรมราช สัมผัสได้ว่ามีประชาชนสนับสนุนเรามากขึ้นเรื่อย ๆ และขอรับปากว่าก่อนวันเลือกตั้ง จะเดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน


ส่วน ที่ตลาดคลองโพ (ศิริพัฒนา) อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมเดินตลาดแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และนโยบายของพรรคก้าวไกล ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์


ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย รศ.ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย นายสุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย เขตบางพลัด บางกอกน้อย พร้อมแนะนำ นายณัฐวัฒน์ พอใช้ได้ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางพลัด และเขตบางกอกน้อย


 คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นายณัฐวัฒน์ เป็นคนมีความสามารถ ถ้าได้เป็น ส.ส.จากการสนับสนุนของประชาชน จะเป็น ส.ส. ที่ดีที่สุด ดีกว่า ส.ส. ที่ผ่านมาของชาวบางพลัด พร้อมกล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนแพ้มานานแล้ว แต่มากกว่า 8 ปี ตั้งแต่รัฐประหารปี 49 และ 17 ปีแห่งความขัดแย้งเลือกฝั่งหนึ่งก็ติดล็อค เลือกฝั่งหนึ่งก็ติดหล่ม เลือกอีกฝั่งก็พารัฐประหารมาให้เรา 2 ครั้ง แล้วเราไม่ต้องการที่จะเจอครั้งที่ 3 พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอตัวเป็นทางรอดของประเทศ ถึงแม้จะเป็นพรรคใหม่แต่คนที่ทำงานหน้าเก่าประสบการณ์สูงทั้งนั้น วันนี้สภาพของพี่น้องประชาชนน่าเห็นใจ หนี้ครัวเรือนสูงแตะ 90% เพิ่มทั้งหนี้ เพิ่มทั้งค่าใช้จ่าย แต่รายได้ลด นี่คือความพ่ายแพ้ของประชาชน


คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้เราจะไม่ให้พี่น้องต้องพ่ายแพ้อีกต่อไป ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงอาสามาขอดูแลประชาชน โดยจะดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดจนแก่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีรายได้ดีและอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เพิ่มพลังให้กับคนตัวเล็ก สามารถกู้เงิน 5000-50,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยจะแจกบัตรเครดิตประชาชน ไม่แจกบัตรคนจน ลงทุนกับการสร้างคน ด้วยการให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี เด็กมีสิทธิเลือกในการเรียนให้ตรงตามความต้องการ และนโยบายบำนาญประชาชน 3000 บาทต่อเดือน

 “เทใจให้พรรคไทยสร้างไทยทั้งพรรคทั้งคน จะเป็นทางรอดของเศรษฐกิจไทย วันนี้ถ้าเราเลือกแบบเดิม เลือกสองขั้วแบบเดิม ไม่ว่าขั้วไหนจะชนะ หลังการเลือกตั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตชาติครั้งใหม่แน่นอน แต่เลือกพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นทางรอดและไม่มีปฏิวัติ ประชาชนจะชนะ และเศรษฐกิจจะดี” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยกล่าว ก่อนเข้าสู่พิธีสงฆ์เปิดศูนย์ฯ อย่างเป็นทางการ

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความพร้อมของว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้ง 33 เขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า มีครบแล้ว รอเพียงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งให้ชัดเจน เพราะอาจมีผู้สมัครที่มีเขตทับซ้อนกัน ซึ่งปัญหานี้เป็นกันทุกพรรค จึงขอโอกาสพี่น้องชาว กทม. สร้างทางรอดให้กับประเทศ พร้อมทั้งยังมีการปราศรัยในพื้นที่เขตดอนเมืองในวันอาทิตย์นี้ (12 มี.ค. 66) ด้วย

รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/3KQfU1awdl4