เลือกตั้งและการเมือง
"ทวี" ชี้ "คดีฮั้วเลือก สว." หากพบหลักฐานอั้งยี่ เหมารวมเป็นคดีพิเศษได้หมด ไม่หวั่นถูก สว.โต้กลับ
โดย nutda_t
7 มี.ค. 2568
39 views
7 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวยืนยันถึงมติคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ที่ใช้เสียง 11 เสียง รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงิน ว่า สามารถทำได้ เพราะจากการสอบสวนพยาน สามารถเชื่อได้ว่ามีเงินสะพัดในการเลือก สว. ครั้งนี้ กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องรับฐานความผิดอื่น เพราะหากสืบสวนสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินและพบการกระทำที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะเป็น การจ้างให้ดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อั้งยี่ ซ่องโจร และความผิดฐานยุยงส่งเสริมไม่ให้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ หรือการครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ รวมถึงความอาญาที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษไปได้เลย
เมื่อถามว่าหลักฐานอะไรที่ทำให้เชื่อได้ว่ามูลค่าเงินเกิน 300 ล้านบาท พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า "ใช้มูลฐานความเชื่อได้ว่า" ยกตัวอย่างเช่น การออกหมายจับของศาล เขาให้ใช้หลักฐานพอสมควร กรณีนี้จึงใช้เกณฑ์ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ในการออกหมายจับ ที่บางครั้งใช้บันทึกสายลับไม่ได้มีการสอบพยานเลย ก็ออกหมายจับได้ ดังนั้น ในคดีนี้มีพยานยืนยันว่า มีการใช้เงิน 400-500 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินเป็นช่วงๆ เมื่อมีพยานจึงถือมูลฐานอันเชื่อได้ว่า ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติรับเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วนความผิดฐานอั้งยี่ การได้มาซึ่ง สว. หรือการฮั้ว และความผิดอื่นๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116(3) ที่มีการร้องทุกข์ไว้ หากมีความเชื่อมโยงก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ทวี ยังเปิดเผยด้วยว่า ตอนนี้ดีเอสไอ มีพยานประมาณ 7,000 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าไปในพื้นที่การเลือก สว. ระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี ถึง 3,000 คน เราก็จะดูพยานหลักฐานนี้ โดยได้ส่งหนังสือขอให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพิสูจน์ความผิดไม่ต้องห่วง โดยได้ให้นโยบายดีเอสไปแล้วจะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เพราะเขาสอบมานานแล้ว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การใช้เงินจูงใจให้เลือกเข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงซึ่งอยู่ในอำนาจของกกต. ตอนนี้ดีเอสไอพยายามล้วงลูกกกต.ด้วยการอ้างกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่าไม่ใช่ มันเหมือนบริษัทหลบเลี่ยงภาษีมันก็มีความผิดเป็นหลายกรรม แต่อันนี้เป็นความผิดอั้งยี่ มีการสมคบกันกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ถือเป็นหนึ่งความผิดแล้ว
เมื่อถามว่าเราเป็นการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อให้ได้คดีนี้มาอยู่ในมือใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ใช่ มีผู้มาร้องทุกข์และมีการสืบสวน และจริงๆ แล้วกกต.เป็นฝ่ายมาขอให้เราทำ เราจึงต้องร่วมมือกับกกต. และเมื่อพบพยานหลักฐานแล้ว กกต.ก็สามารถนำไปพัฒนานิดหน่อยและใช้ในการยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อถอดถอนได้ และคิดว่าหลักฐานที่มีการจ่ายเงินน่าจะถึง 20 คน ถ้ากกต.ร่วมมือกัน ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าเขาร่วมมือ เพราะเขาส่งหนังสือมา และเราไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขาตราบใดที่เขายังไม่ยกเลิกดีเอสไอ และตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดีฮั้วเลือก สว. เราก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพราะอำนาจของ กกต. คือการเดินหน้าถอดถอนบุคคลที่ได้ซึ่งตำแหน่ง สว.โดยมิชอบ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่กังวลที่ สว. ตอบโต้ด้วยการยื่นถอดถอนจากตำแหน่งฐานกระทำความผิดด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพราะเรื่องความยุติธรรมไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่มีความสำคัญเท่ากัน แต่เรื่องนี้เราพิจารณาให้ดีมันกระทบต่อความมั่นคงด้านนิติบัญญัติ อำนาจในการออกกฎหมายก็ได้รับผลกระทบ จึงอยากเรียนไปถึง สว. ถ้าสอบสวนออกมาท่านไม่ผิด ก็จะได้สง่างาม ยืนยันจะไม่ใช่ความรู้สึกในการแก้ปัญหาจะใช้พยานหลักฐานเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลและไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรี ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของพนักงานสอบ อัยการ และผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งต้องทำอย่างรวดเร็ว
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทวีสอดส่อง ,คดีฮั้วสว.